ช่วงนี้อาจเป็นวิบากกรรมของทาง Elon Musk จริงๆ เพราะว่าล่าสุดราคาหุ้น Tesla ได้ตกลงมาจนทำให้ผู้ถือหุ้นหลายๆ คนอาจเครียดได้ โดย 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นได้ร่วงไปแล้ว 23%
ถึงแม้ว่า Elon Musk จะได้ออกตัวรถหัวลากอย่าง Tesla Semi ออกมาจนหลายๆ บริษัทจองกันล่วงหน้า แต่สถานการณ์ของบริษัท ตั้งแต่ราคาหุ้น รวมไปถึงหุ้นกู้ของบริษัทไม่ได้ดูดีเท่าไหร่นักในช่วงนี้ Brand Inside จึงนำเสนอบทวิเคราะห์ 5 สาเหตุหลักของ Tesla ที่ทำให้ราคาหุ้นตกหนัก และทำให้ผู้ถือหุ้นกู้ในช่วงนี้ปวดหัวยิ่งนัก
การส่งมอบ Tesla Model X และ Model S ทำได้ลดลง
บทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs รายงานข้อมูลจากเว็บไซต์ของ InsideEVs และ GreenCarReports ได้รายงานว่ายอดการส่งรถของ Tesla โดยเฉพาะ 2 โมเดลนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีการประมาณไว้ว่าลดลง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะลูกค้าซื้อแล้วแต่ส่งมอบได้ช้า รายได้บริษัทก็เลื่อนออกไป จะขายเพิ่มก็ไม่ได้
Model 3 กับปัญหาคอขวด
มีการคาดการณ์ว่าสำหรับรุ่นราคาถูกสุดอย่าง Model 3 ตอนนี้กำลังผลิตต่อสัปดาห์อยู่ที่ 2,500 คัน ยังถือว่าน้อย ซึ่งปัญหาเกิดจากเรื่องของคอขวดในโรงงานของ Tesla เอง ที่ Elon Musk พยายามแก้ปัญหาเรื่องของคอขวดในการผลิต ซึ่งดีขึ้นบ้าง แต่ยังดีไม่พอ
อีกประเด็นที่น่าสนใจจากบทวิเคราะห์จาก AB Bernstein คือการที่ Tesla อาจทุ่มสุดตัวกับหุ่นยนต์ประกอบรถยนต์มากเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาเสียเอง เพราะว่าหุ่นยนต์ที่ Tesla ใช้นั้น ในมุมมองของนักวิเคราะห์ Bernstein คือหุ่นยนต์ใช้ประกอบรถยนต์แบบจริงจัง ซึ่งต่างกับหุ่นยนต์โรงงานประกอบรถยนต์แบบทั่วๆ ไปเช่น พ่นสี ฯลฯ ซึ่งโรงงานของญี่ปุ่นจะใช้แบบหลัง เพราะว่าขั้นตอนอื่นๆ คุมคุณภาพได้มากกว่า ทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างขึ้นมา
Moody’s ลดความน่าเชื่อถือ ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นแน่นอน
ล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Tesla โดนบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง Moody’s ลดความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้บริษัทลงมาจาก B3 ลงมาเป็น Caa1 (คิดง่ายๆ ว่าประมาณหุ้นกู้เกรดแย่)
ส่งผลให้ต้นทุนการเงินของ Tesla หลังจากนี้ในการออกหุ้นกู้ย่อมลำบากกว่าเดิมแน่นอน เพราะว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือหุ้นกู้มากขึ้นแลกกับความเสี่ยงที่มากขึ้น (Mark Mobius ตำนานนักลงทุน เคยพูดถึงเรื่องนี้ไว้ที่งานสัมมนาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่มองอีกมุมถึงเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะขึ้นอาจทำให้บริษัทลำบาก)
ทาง Moody’s ยังได้เตือนว่าทาง Tesla อาจโดนปรับความน่าเชื่อถือลงได้อีกตลอดเวลา ทำให้ผู้ถือหุ้นกู้อาจต้องคิดหนัก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ตกหนักในช่วงที่ผ่านมา
อีกสาเหตุที่เป็นตัวเร่งที่ทำให้หุ้น Tesla ตกหนักด้วยเพราะว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐตกกันถ้วนหน้า แถมช่วงนี้เคราะซ้ำกรรมซัดเกี่ยวกับหุ้นเทคโนโลยี อย่างเช่นกรณีของ Facebook ที่มีเรื่องของข้อมูลหลุด เป็นต้น เลยพาลากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลงพร้อมกันถ้วนๆ หน้า แถมตลาดสหรัฐนั้นมี ETF เป็นจำนวนมาก แถมยังมี ETF กลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะ เวลาขายเท่ากับการขายหุ้นทั้งกลุ่ม ฉะนั้นจึงโดนกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ Tesla
อุบัติเหตุอีกแล้ว!
อาทิตย์ที่ผ่านมานั้นมีข่าวที่สหรัฐอเมริการายงานว่ามีอุบัติเหตุของผู้ที่ขับขี่รถ Tesla Model X ซึ่งชนเข้ากับแนวกั้นจนผู้ขับขี่เสียชีวิต ซึ่งล่าสุดทางคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่ง ได้เรียกตัวแทนจากบริษัทเข้าไปพูดคุยกับทางคณะกรรมการแล้วเพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นนั้นลงหนักในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมา
สรุป
ช่วงเวลานี้ของทาง Tesla อาจเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งของบริษัท แต่ถ้าหากผ่านไปได้จะถือว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัทเลยทีเดียว เพราะว่าบริษัทจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีกเยอะ แต่สิ่งที่ Tesla ต้องแก้อย่างที่ทุกคนทราบกันดีคือเรื่องของ Model 3 ที่ผลิตได้ช้าเหลือเกิน เพราะเรื่องคอขวดในโรงงาน
ที่มา – Business Insider, Bloomberg Gadfly
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา