รู้หรือไม่ คน 936 ล้านคนทั่วโลกกำลังเจอกับภาวะ ‘หยุดหายใจขณะหลับ‘ และยังมีคนนอนกรนมากถึง 94% ที่กำลังเสี่ยงกับภาวะนี้
ขณะที่ข้อมูลจากราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิก แพทย์แห่งประเทศไทยบอกว่า คนไทยกว่า 25% มีภาวะนอนกรน และกว่า 5% หรือ 3 ล้านคนมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บอกว่า ภาวะดังกล่าวมักทำให้เกิดอาการนอนกรนมากจนหายใจติดขัด สะดุดหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ทำให้ร่างกายขาดอากาศเป็นระยะๆ ตอนหลับ
อันตรายต่อการทำงานของหัวใจ สมอง หลอดเลือด และอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จึงทำให้เสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนอื่นๆ อาทิ ภาวะใหล, โรคหลอดเลือกสมอง, โรคหลอดเลือดหัวใจ, เบาหวาน, อัมพาต, ความดันโลหิตสูง และอีกหลายโรค
นอกจากนั้น ผศ.พญ.กวินญรัตน์ จิตรอรุณฑ์ แพทย์เฉพาะทางสาขานาสิกวิทยาและภูมิแพ้ โรงพยาบาลวิมุต ยังเล่าอีกว่า ‘ภาวะนอนกรน’ เล่าว่า ในสังคมยุคปัจจุบัน ปัญหาการนอนนับเป็นปัญหาสุขภาพเรื่องใหญ่ที่พบ ผู้คนทั่วโลกมักมีความเครียดสะสม นอนไม่หลับ นอนไม่พอ และมีปัญหาเรื่องคุณภาพการนอน
พฤติกรรมนอนผิดปกติเหล่านี้จะค่อยๆ ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจโดยที่เราไม่รู้ตัว และที่น่าเป็นห่วงคือหลายคนยังคิดว่าการนอนกรนเป็นเรื่องปกติ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น โดยเฉพาะในคนที่นอนกรนรุนแรงจนโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นร่วมด้วยนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ภาวะนอนกรนพบได้ในทุกอายุ โดยมักพบในผู้ใหญ่ พบในผู้ชาย (13%-50%) มากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักตัวมาก
สภาพสังคมและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้อาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับพบมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการเข้ามาของอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน ทำให้คุณภาพการนอนในกลุ่มอายุน้อยลดลง นำไปสู่การนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้มากขึ้น
อาการนอนกรน ‘ระดับรุนแรง’ ที่มีอาการหยุดหายใจร่วมด้วย เรียกว่า Obstructive Sleep Apnea ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ระบบทางเดินหายใจส่วนต้นตีบแคบลง สาเหตุเกิดจากกายวิภาพกล้ามเนื้อในช่องคอ โคนลิ้นหย่อนไปปิดทางเดินทางหายใจส่วนต้น
วิธีสังเกตุอาการ คือ มีอาการสะดุ้งเฮือกกลางดึก เหนื่อยหอบหลังสะดุ้งตื่น รู้สึกเหมือนยังไม่ได้พักผ่อนเมื่อตื่นนอน เหนื่อยล้าและง่วง ปากแห้งคอแห้งตอนตื่นนอน ปวดหัวหลังตื่นนอนเป็นประจำ กระทบสุขภาพจิตและกายโดยรวม
ที่น่าสนใจ คือ ตลาด Sleep Economy หรือเศรษฐกิจเกี่ยวกับการนอนหลับมีมูลค่าถึง 5.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐและเติบโตเฉลี่ยกว่า 6.3% ในแต่ละปี
และถ้าเจาะลงมาดูตลาดเครื่องมือแพทย์รักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับตอนนี้มีมูลค่า 6.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะมีมูลค่า 9.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 เติบโตเฉลี่ย 7.34% ต่อปี (ระหว่างปี 2567-2573)
โรงพยาบาลวิมุต จึงมองว่านอนกรนไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญ แต่เป็นสัญญาณอันตราย ที่นำไปสู่ความรุนแรงของโรคแทรกซ้อน ทำให้โรงพยาบาลตัดสินใจรุกเข้าสู่ ’ตลาดการนอน’ เปิดตัว iNAP เทคโนโลยีรักษาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ
โดยในส่วนสถิติของโรงพยาบาลวิมุตเองแต่ละวันพบ 3-4 เคสหรือราว 50 เคสต่อเดือน โดยระดับความรุนแรงของแต่ละเคสไม่เท่ากัน บางรายสามารถรักษาอาการได้ด้วยเครื่อง บางรายต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ข่าวเกี่ยวข้อง
- วิมุต เดินเกมโรคเฉพาะทางเต็มตัว หลังรีแบรนด์โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ควบคู่เสริมแกร่งบริการเลสิก
- วิมุต เร่งสร้างแบรนด์ เดินเกมดิจิทัล พร้อมเปิดแคมเปญใหม่ ดันยอดลูกค้าผู้หญิงเติบโต 30%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา