Under Armour ส่ง HOVR อาวุธหนักลุยตลาดรองเท้าวิ่ง

Under Armour เปิดเกมรุกตลาดรองเท้าวิ่งตั้งแต่ต้นปี เติมเต็มพอร์ทระดับ Performance ให้เต็มมากขึ้น เปิดรองเท้ารุ่น HOVR พัฒนาร่วมกับ Dow Chemical ผลิตจากโฟมชนิดพิเศษรองรับแรงกระแทกได้อย่างดี

จับตลาดวิ่ง หัวใจหลักสร้างการเติบโต

Under Armour อีกหนึ่งแบรนด์กัฬาน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทยได้เกือบ 3 ปี แต่ก็ทำผลงานได้ดี สร้างการรับรู้ให้กับคอกีฬาในไทยได้ไม่น้อย และมีการขยายสาขาต่อเนื่อง

ด้วยความที่จุดยืนของแบรนด์เน้นตลาดกลุ่ม Performance เป็นหลัก หรือกลุ่มคนที่เล่นกีฬา โดยเฉพาะกลุ่มเทรนนิ่ง ทั้งสายเวทเทรนนิ่ง และสายวิ่ง สินค้าต่างๆ จึงออกแบบตามการใช้งานที่แท้จริง

แค่ในช่วงที่ผ่านมา Under Armour ได้เน้นในกลุ่มของเสื้อผ้าเป็นหลัก สามารถสร้างรายได้สัดส่วน 65% มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอด เช่น ผ้าเบาขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น ระบายอากาศดีขึ้น

แต่พบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์เรื่องการวิ่งมาแรงอย่างมาก คนไทยสนใจวิ่งมากขึ้น รวมถึงมีงานวิ่งมาราธอนเกิดขึ้นแทบทุกเดือน จึงเป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่แบรนด์จะลงมาจับตลาดวิ่ง ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สำหรับกลุ่มสินค้ากีฬา

ปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป ยูเอ สปอร์ต ไทยแลนด์ กล่าวว่า

“เทรนด์การออกกำลังกายในไทยยังเป็นที่นิยมอยู่ Under Armour เด่นในเรื่องเทรนนิ่ง ซึ่งการวิ่งก็เป็นหนึ่งในเทรนนิ่งเช่นกัน จึงมองว่าอยากเข้าตลาดวิ่งให้มากขึ้นเพราะมีโอกาสในการเติบโตสูง เป็นตลาดที่ใหญ่ พฤติกรรมคนยังนิยม หัวใจในการวิ่งคือรองเท้า เลยบุกตลาดรองเท้าวิ่งหนักขึ้นในปีนี้”

เปิด HOVR ตัวท็อปกลุ่มวิ่ง

ปีนี้ได้เปิดรองเท้ารุ่นใหม่ HOVR (ฮัฟเวอร์) เป็นแฟล็กชิพรุนใหม่ในกลุ่มวิ่ง ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ Dow Chemical ในการพัฒนาวัสดุจากโฟมชนิดพิเศษรองรับการกระแทก เพื่อให้วิ่งได้เร็วขึ้น เบาขึ้น

“HOVR แปลว่าบิน หรือร่อน เป็นการสื่อถึงว่าเวลาวิ่งทำให้มีแรงส่งทำให้ไปได้ไกล เหมือนบินอยู่ เราได้พัฒนาดีไซน์ให้แฟชั่นมากขึ้นด้วย และราคาที่สามารถเข้าถึงได้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งเรียกว่าสูสีกัน”

ปกติในกลุ่มรองเท้าของ Under Armour จะแบ่งเป็นกลุ่ม Running หรือสายวิ่ง 30% และ Training สายเวทเทรนนิ่ง 70% ในกลุ่มวิ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Run Long, Run Strong และ Run Fast รุ่น HOVR จะอยู่ในกลุ่ม Run Long เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เหมาะสำหรับกลุ่มนักวิ่ง

ปัจจุบัน Under Armour มีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นเสื้อผ้า 65% และรองเท้า 25% และอื่นๆ 10% ในปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรองเท้าขึ้นเป็น 28% ให้ได้

และดันรายได้รวมให้เติบโต 50% จากปีที่แล้วเติบโต 60%

สรุป

– Under Armour เริ่มส่งอาวุธหนักลงมาสู้ในสนามกีฬามากขึ้น โดยยังคงจุดยืนเรื่อง Performance เพื่อสร้างจุดยืนให้แข็งแรง แต่มีแผนจะจับกลุ่มไลฟ์สไตล์ และแฟชั่นมากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา