อังกฤษจะกลับมาใช้ชีวิตปกติ ไม่รอคนป่วยลดเพราะโควิดจะไม่หายไป ถ้าช้าจะกระทบเศรษฐกิจและประชาชน

uk อังกฤษ

รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ Sajid Javid ยืนยันผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในอังกฤษและจะเริ่มดำเนินการต่อไปในวันที่ 19 กรกฎาคม และล่าสุดมีการผ่อนคลายกฎการท่องเที่ยวทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและการบินกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง

ยิ่งช้ายิ่งกระทบกับชีวิตประชาชน

อังกฤษดำเนินการผ่อนคลายมาตรการแม้จะยังมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่ติดต่อสู่กันเร็วกว่าเดิม 

เมื่อวันจันทร์มีรายงานผู้ป่วยใหม่กว่า 34,000 ราย และเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิดทะลุ 30,000 รายติดต่อกันทุกวัน แต่ยอดผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เทียบกับช่วงการระบาดเมื่อเดือนมกราคมด้วยยอดผู้ติดเชื้อวันละกว่า 50,000 ราย 

จากการระบาดเมื่อต้นปีทำให้อังกฤษต้องสั่งล็อคดาวน์ประเทศกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน ภาคบริการต้องพักกิจการ ธุรกิจการท่องเที่ยวและสายการบินก็ได้รับความเดือดร้อนจนต้องออกมากดดันให้รัฐดำเนินการผ่อนคลายมาตรการ 

โควิดไม่มีวันหายไป ถ้าไม่ดำเนินการตอนนี้จะยิ่งยืดเยื้อ

ในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามว่าทำไมต้องผ่อนคลายมาตรการในช่วงการระบาดเช่นนี้ 

ทางรัฐมนตรีสาธารณสุขก็ได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ว่า ไม่มีเวลาที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์แบบนี้เพราะโควิดจะอยู่กับเราไปตลอด หากไม่เริ่มดำเนินการตอนนี้ก็จะยิ่งยืดเยื้อ และนายกรัฐมนตรี Boris Johnson คิดเช่นเดียวกันว่าอังกฤษต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้เหมือนกับไวรัสชนิดอื่นอย่างไข้หวัดใหญ่

Boris Johnson ภาพจากทวิตเตอร์ @BorisJohnson

นอกจากนี้รัฐบาลจะแนะนำให้ทยอยกลับไปทำงานในออฟฟิศช่วงฤดูร้อน และแนะนำให้สวมใส่แมสก์ต่อไปเมื่ออยู่ในสถานที่สุ่มเสี่ยง เช่น สถานที่ปิดแออัด และขณะขึ้นรถสาธารณะ เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นจากทางสถานที่นั้น

การคลายมาตรการคุมเข้มของอังกฤษล่าช้าจากตอนแรกที่กำหนดไว้ว่าจะเป็นวันที่ 19 มิถุนายน เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าภายในประเทศ 

แม้ยังมีผู้ติดเชื้อแต่เป็นสถานการณ์ที่ควบคุมได้

นอกจากนี้ความสามารถในการจัดหาวัคซีนของอังกฤษมีส่วนช่วยทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยเป็นประเทศแรกในตะวันตกที่ได้รับวัคซีน Pfizer ปัจจุบันสามารถกระจายวัคซีนไปได้ทั้งหมดกว่า 80 ล้านโดส

โครงการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในอังกฤษถือเป็นหนึ่งในการดำเนินการที่รวดเร็วที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันกว่า 87.1% ของประชากรผู้ใหญ่ในอังกฤษได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว และมี 66% ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม 

ทำให้ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ยอดการเข้ารักษาในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตกลับลดน้อยลง โดยยอดการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลล่าสุดอยู่ที่ประมาณ​ 2,500 คน และยอดผู้เสียชีวิตเฉลี่ยในสัปดาห์ล่าสุดคือ 24 คน แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของวัคซีนที่สามารถป้องกันอาการรุนแรงจากการติดเชื้อได้

แม้ยอดผู้ติดเชื้อจะยังมีอยู่แต่อังกฤษสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปต่อได้ ล่าสุดมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 พร้อมอนุญาตให้ผู้ชมที่ฉีดวัคซีนครบแล้วและมีผลตรวจเป็นลบสามารถเข้าชมการแข่งขันในสนามได้ นอกจากนี้การจ้างงานก็กำลังจะกลับมาอีกครั้งหลังจากสถานการณ์ดีขึ้น

สรุป

แนวทางของรัฐบาลอังกฤษในปัจจุบันคือไม่พยายามทำให้ยอดเป็นศูนย์ทันที แต่เลือกที่จะอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ ซึ่งมีโอกาสจะทำให้ประเทศกลับมาฟื้นฟูได้มากกว่าการติดอยู่กับล็อคดาวน์ที่จะกระทบหมดทุกภาคส่วน ซ้ำจะเจ็บหนักกว่าเดิมหากล็อคดาวน์แล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้น หรือสุดท้ายก็กลับมาระบาดเหมือนเดิม

ที่มา: CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา