บางกอกชีทเม็ททัล เตรียมเปิดตัว “ตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้า” เดือนตุลาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 6 หมื่นบาท

เตรียมเปิดตัว รถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้า ราคาจับต้องได้ ราคาเริ่มต้น 6 หมื่น แพงสุด 3 แสนบาท รับคำสั่งซื้อแรกในช่วงเดือนตุลาคม 2564 นี้

ธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือBMผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก ให้ข้อมูลความคืบหน้าการผลิตรถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้า ที่ใช้สำหรับการบรรทุกส่วนบุคคล และใช้บรรทุกสิ่งของไม่เกิน 1 ตัน ว่า ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาต่อยอดการผลิตรถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด อย่างกลุ่มโรงแรม รีสอร์ท ฟาร์ม และโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีความต้องการรถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้าจำนวนมาก เนื่องจากความคล่องตัว ความประหยัด ดูแลรักษาง่าย ไม่มีมลพิษ ต้นทุนต่ำ และราคาจับต้องได้

ส่วนการขอป้ายทะเบียน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาความเห็นชอบจากกองวิศวกรรม โดยคาดการณ์ว่าจะได้รับการอนุมัติป้ายทะเบียนรถสาธารณส่วนบุคคล ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้ 

นอกจากนี้ บางกอกชีทเม็ททัล ยังคาดการณ์ด้วยว่าจะเปิดตัว และรับคำสั่งซื้อรถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้าในช่วงเดือนตุลาคม 2564 ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาท ไปจนถึง 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดการใช้งานของลูกค้า โดยมีทั้งรุ่นที่เป็นรถนั่ง รถบรรทุก และรถสำหรับฟู้ดทรัค รุ่นละ 2-3 ขนาด

ด้านกำลังการผลิต บางกอกชีทเม็ททัล ให้ข้อมูลว่าสามารถทำได้ราว 1 คันต่อวัน ในช่วงแรก และมีขีดความสามารถในการผลิตอยู่ที่ 5 คันต่อวัน แต่คาดการณ์ว่าหลังเปิดรับคำสั่งซื้อแรก ก็มีความพร้อมที่จะส่งมอบรถ ตุ๊ก ตุ๊ก ไฟฟ้าได้ภายในสิ้นปี 2564 นี้ โดยคาดการณ์ยอดขายไว้ที่ 400 คันต่อปีในช่วงปีแรกหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน)

ราคาเริ่มต้น 60,000 บาท ทำได้อย่างไร?

สาเหตุที่ทำให้บางกอกชีทเม็ททัล สามารถขายรถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้า ด้วยราคาที่คาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นที่เพียง 60,000 บาทเท่านั้น เป็นเพราะ กระบวนการผลิต ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การทดสอบความแข็งแรงของตัวรถ และไม่ได้นำเข้าแบตเตอรี่เข้ามาทั้งแพคแล้วนำมาประกอบ แต่เป็นการนำเข้าแบตเตอรี่เฉพาะเซลล์เท่านั้น แล้วจึงนำมาประกอบที่ประเทศไทย

อนาคตตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย รัฐต้องสนับสนุน

สำหรับอนาคตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย KKP Research โดยกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร เคยประเมินไว้ว่า ในปี 2023 รถยนต์ประเภท Battery EV (BEV) และ Plug-in Hybrid (PHEV) จะมียอดขายอยู่ที่ 20,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนราว 3% ของยอดขายรถยนต์นั่งทั้งหมด

ส่วนในระยะยาวยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปี 2030 จะคิดเป็น 15% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด และจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 34% หากภาครัฐสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม และมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเป็นส่วนสนับสนุนอีกด้วย คือ การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่ได้รับการยอกเว้นภาษีนำเข้า ต้นทุนแบตเตอรี่ถูกลง และความเข้มงวดกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ที่มา – ข่าวประชาสัมพันธ์

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา