ศึกษาธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศกับ “Superrich สีเขียว” ในยุคที่ Rate ต่ำไม่ได้ชนะเสมอไป

ปัจจุบันธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศในไทยมีกว่า 2,000 ราย แต่หลายคนคงคุ้นกันอยู่ไม่กี่ชื่อ หนึ่งในนั้นคือ Superrich Thailand หรือ Superrich สีเขียว ที่มีมูลค่าแลกเปลี่ยนในปี 2560 ถึง 1.12 แสนล้านบาท

ร้าน Superrich Thailand หรือ Superrich สีเขียว

อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวบูม

ด้วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้นค่อนข้างคึกคักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะภาครัฐช่วยกันผลักดัน ประกอบกับภาคเอกชนที่เปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ในราคาถูกทำให้ไทยเป็นอีกเป้าหมายอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะชาวจีน หลังคนแดนมังกรเหล่านี้เข้ามาเที่ยวไทยกว่า 8 ล้านคนในปี 2560

มากกว่านั้นปัจจัยเรื่องเส้นทางบินยังทำให้ชาวไทยสามารถไปยังต่างประเทศได้ง่ายกว่าเดิม และมีจุดหมายปลายทางใหม่ๆ มากขึ้น จน 2 ปัจจัยนี้ทำให้เม็ดเงินในธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโตถึง 54% คิดเป็นมูลค่า 6.6 แสนล้านบาท ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

ธณัทร์ษริน สุสมาวัตนะกุล กรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาองค์กร บริษัท ซุปเปอร์ริช (ไทยแลนด์) จำกัด

ธณัทร์ษริน สุสมาวัตนะกุล กรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาองค์กร บริษัท ซุปเปอร์ริช (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าให้ฟังว่า เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติเติบโต ตัวธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศก็เติบโตอัตโนมัติ แต่การเติบโตนี้ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการแข่งขันก็ดุเดือดจากแค่ให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด

ทำการตลาดร่วมกับธุรกิจท่องเที่ยวอื่นๆ

“เมื่อลูกค้าหลักของเราคือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ทำให้ Superrich สีเขียวจะเข้าไปทำการตลาดร่วมกับธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพราะมันทำให้เราใกล้ชิดกับลูกค้ากว่าเดิม ไม่ได้รอให้ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาอย่างเดียว แม้ปัจจุบันจะลงทุนขยายสาขาไปถึง 12 แห่งทั่วกรุงเทพแล้วก็ตาม”

การสนับสนุนการขายของร้าน Superrich Thailand หรือ Superrich สีเขียว

ตัวอย่างการสนับสนุนการขายอาทิ เป็นสมาชิกของ King Power จะได้รับส่วนลด 0.05% เมื่อแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นสกุลต่างประเทศ แต่ต้องแลกในจำนวน 10,000-500,000 บาท/ครั้ง/วัน และสามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อสกุลเงินต่างประเทศได้เป็นต้น

สำหรับจำนวนผู้ใช้บริการของ Superrich สีเขียวจะแบ่งเป็นชาวไทย 60% ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ มีชาวจีน, ไต้หวัน และฮ่องกงเข้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่วนเรื่องสกุลเงินต่างประเทศ “ดอลลาร์สหรัฐ” ยังได้รับความนิยมที่สุด รองลงมาเป็น “เยนประเทศญี่ปุ่น” และ “ยูโรของสหภาพยุโรป”

บรรยากาศภายในร้าน Superrich Thailand หรือ Superrich สีเขียว

สื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ติดตลาดในระยะยาว

อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนอกจากต้องชูจุดเด่นเรื่อง Rate ที่ต่ำกว่าคู่แข่ง การสร้างบริการอื่นๆ และการสื่อสารข้อมูลไปยังผู้บริโภคให้ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายก็จำเป็น โดย Superrich สีเขียว มีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้เท่ากันทั้ง 12 สาขาที่ให้บริการอยู่ และมีการลงทุนเรื่องคน รวมถึงระบบหลังบ้านต่อเนื่อง

“เราเป็นรายเดียวที่ทำอัตราแลกเปลี่ยนทุกสกุลได้เท่ากันทุกสาขา รวมถึงเพิ่มสกุลใหม่ๆ เข้ามาจากเดิมที่มี 34 สกุลเงิน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่หลากหลายกว่าเดิม ยิ่งผู้บริโภคไม่ได้แลกเงินก่อนจะไปเที่ยว เพราะมีการทยอยแลกเก็บไว้ ทำให้เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา เพราะเราก็ไม่อยากให้ลูกค้าผิดหวังเดินออกจากร้านไปแลกที่อื่น”

ช่องทางออนไลน์คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของร้าน Superrich Thailand หรือ Superrich สีเขียว

ปัจจุบัน Superrich สีเขียว มีพนักงานกว่า 200 คน และยังไม่มีแผนขยายตลาดไปต่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศ ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเม็ดเงินหมุนเวียนเติบโต 20% โดยการจะไปถึงจุดนั้นได้จึงลงทุนติดตั้ง Call-Center Software ตัวใหม่ เพื่อยกระดับการสื่อสาร และมีการลงทุนการตลาดออนไลน์ เพื่อดึงลูกค้าใหม่เข้ามามากกว่าเดิม

สรุป

แม้ Superrich สีเขียว จะพยายามสื่อสารการตลาด และจูงใจด้วยการทำโปรโมชั่นร่วมกับธุรกิจท่องเที่ยวอื่นๆ แต่หากไม่สามารถหนีจากคำว่า Superrich ที่ปัจจุบันมีถึง 3 สี (สีเขียว, สีส้ม และสีฟ้า) ก็ยากที่จะโดดเด่นออกมาเป็นแบรนด์เดี่ยว จึงเชื่อว่าอนาคตหาก Superrich สีเขียว ต้องการสร้างแบรนด์กว่านี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา