สิงคโปร์เตรียมเลิกตรวจพาสปอร์ตในสนามบินชางงี เปลี่ยนมายืนยันตัวตนด้วยข้อมูล Biometrics แทนปีหน้า

สิงคโปร์ผ่านกฎหมายใหม่เพิ่มความสะดวกในสนามบินชางงี ไม่ขอดูเล่มพาสฟอร์ตซ้ำ เปลี่ยนมายืนยันตัวตนด้วยข้อมูลเมตริกซ์อย่างลายนิ้วมือรูปแบบของม่านตาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 สำหรับชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางออกนอกประเทศสิงคโปร์ ทำให้เป็น 1 ในไม่กี่ประเทศแรก ๆ ที่ระบุตัวตนผู้เดินทางโดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต

ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชัดเจนแต่ Josephine Teo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารและสารสนเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่า การยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลไบโอเมทริกซ์จะถูกนำมาใช้ตามจุดที่จำเป็นต้องยืนยันตัวตนตั้งแต่จุดวางกระเป๋าจนถึงขึ้นเครื่อง เพราะจะช่วยลดความจำเป็นที่ผู้โดยสารจะต้องแสดงเอกสารให้เจ้าหน้าที่หลายครั้งและทำให้กระบวนการเดินทางขึ้นเครื่องราบรื่นมากขึ้น

ตั้งแต่สิงคโปร์ยกเลิกมาตรการโควิด-19 ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2023 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในสิงคโปร์ 9.01 ล้านคน มากกว่า 3 เท่าของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2022 ทำให้สนามบินซางงีซึ่งเป็น 1 ในสนามบินที่รับนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก มีผู้โดยสาร 5.15 ล้านคนในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว

Teo กล่าวว่าระบบในสนามบินต้องพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยคาดว่าภายในปี 2024 นักท่องเที่ยวจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อนโควิดและจะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากนั้น 

ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมอื่น ๆ ในเอเชียเองก็ใช้เทคโนโลยีระบุตัวตนเพื่อให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นเช่นกัน อย่างสนามบินนานาชาติฮ่องกงก็ได้เริ่มนำระบบยืนยันตัวตนด้วยตนเองที่เรียกว่า Flight Token มาใช้ทำให้ผู้โดยสารผ่านจุดตรวจขาออกได้เพียงแค่แสดงใบหน้าโดยไม่ต้องแสดงเอกสารใด ๆ

ผู้โดยสารที่มีอายุ 11 ปีขึ้นไปที่ถือเอกสารเดินทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้ระบบ Flight Token ได้ซึ่งปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวบางส่วนใช้แล้ว อย่างผู้ที่เดินทางไปกรุงเทพด้วยสายการบิน Cathay Pacific เดินทางไปกรุงไทเปด้วย China Airlines และผู้ที่เดินทางไปญี่ปุ่นด้วย Japan Airlines

ญี่ปุ่นเองก็เริ่มใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์เช่นเดียวกัน ผู้โดยสารที่เดินทางออกจากสนามบินนาริตะและฮาเนดะและใช้บริการบางสายการบินก็สามารถลงทะเบียนข้อมูลใบหน้าและใช้การแสดงใบหน้าผ่านจุดวางกระเป๋า จุดตรวจกระเป๋าเดินทางและขึ้นเครื่องบิน โดยข้อมูลที่บันทึกไว้จะถูกลบภายใน 24 ชั่วโมง การสแกนใบหน้าจึงสามารถใช้ได้ชั่วคราว 

ที่มา – Nikkei Asia

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา