บทวิเคราะห์ SCB FM: หากแต่งตั้งนายกฯ ได้เร็ว ความเชื่อมั่นดีขึ้น เงินบาทแข็งค่า เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับ

“หากแต่งตั้งนายกฯ ได้เร็ว ความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทย เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ในระยะสั้น”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

บทวิเคราะห์จากกลุ่มงานตลาดการเงิน SCB ระบุว่า ความผันผวนในตลาดการเงินไทยจะยังสูง ปัจจัยที่ต้องจับตาคือระยะเวลาในการแต่งตั้งนายกฯ และการจับขั้วตั้งรัฐบาล หากสามารถตั้งนายกฯ ได้เร็ว จะทำให้ความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทย ทำให้เงินบาทกลับแข็งค่าได้ในระยะสั้น

ส่วนแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายและค่าเงินในระยะกลางถึงยาวจะขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลและใช้นโยบายที่ Pro-market จะทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าต่อได้

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้การโหวตนายกฯ มีความไม่แน่นอนมากขึ้นคือ การส่งฟ้องคดีถือหุ้นสื่อของคุณพิธาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลและเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงินมากขึ้น

วชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง

แม้ว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังมีอยู่มาก แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังมีอยู่มาก ทั้งเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งระยะเวลาที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อความเนื่องของการดำเนินนโยบายภาครัฐและนัยต่อเศรษฐกิจของไทย ด้วยเหตุนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติจังยังไม่ปรับดีขึ้นมากนัก เงินทุนเคลื่อนย้ายจึงยังไม่ไหลกลับเข้ามาอย่างชัดเจน

ในช่วงที่มีการเลือกตั้งในอดีต เงินทุนเคลื่อนย้ายก็ไหลออกจากตลาดการเงินไทย แต่ในอัตราที่ต่างกัน หากสถานการณ์ความไม่แน่นอนยาวนานกว่า จะทำให้เงินทุนไหลออกมากกว่าในปี 2557 ที่ความไม่แน่นอนสูงกว่า เนื่องจากการแต่งตั้งนายกฯ ใช้เวลานานกว่า และมีการประท้วงการเลือกตั้ง จึงทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากตลาดการเงินไทยในปริมาณที่มากกว่า

สำหรับ Scenario ของสถานการณ์การแต่งตั้งนายกฯ ในสัปดาห์นี้จะส่งผลต่อแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้าย และค่าเงินบาทรวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างมาก แบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1: จัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว

หากพิธารวบรวมเสียงจากทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ได้เกินกว่า 376 เสียง ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะใช้เวลานานนัก การดำเนินนโยบายภาครัฐน่าจะไม่ขาดตอน เงินทุนไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทยได้ในระยะสั้น ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น

ในระยะกลางถึงยาว เงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่อาจมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินนโยบายภาครัฐ

กรณีที่ 2: จัดตั้งรัฐบาลได้ช้ากว่า แต่ไม่เกิดการประท้วง

หากพิธาไม่สามารถรวมเสียงครบ 376 เสียง ทำให้ต้องเสนอชื่อนายกฯ จากพรรคอื่น มีโอกาสที่จะมาจากพรรคเพื่อไทย เงินทุนจะไหลออกจากตลาดการเงินไทยในช่วงแรกที่การโหวตยังไม่ผ่าน

ทำให้เงินบาทอาจอ่อนค่าในระยะสั้น แต่หลังจากได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยแล้ว เงินทุนเคลื่อนย้ายอาจทยอยไหลกลับมา เนื่องจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้ม Pro-market มากกว่า เงินบาทจึงมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าในระยะกลาง

กรณีที่ 3: จัดตั้งรัฐบาลได้ช้ากว่า และเกิดการประท้วงวงกว้าง

หากพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายเสนอชื่อนายกฯ พร้อมมีการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ระยะจัดตั้งรัฐบาลนานกว่ากรณีที่ 2 เงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินไทยต่อเนื่องและมากกว่ากรณีที่ 2 ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า อีกทั้งในช่วงที่เงินทุนไหลกลับเข้ามา อาจเข้ามาน้อยกว่าสองกรณีแรก การแข็งค่าในช่วงไตรมาส 4 จึงอาจน้อยกว่ากรณีอื่น

ที่มา – SCB (1), (2)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา