ปั้นธุรกิจแบบคิดย้อนกลับ ด้วยหลักการ Reverse Engineering

Reverse Engineering ไม่ได้เป็นแค่ศัพท์ที่ใช้ในวงการวิศวกรรมเท่านั้น เพราะเรายังสามารถนำวิธีคิดนี้ไปใช้ในการทำธุรกิจได้อีกด้วย

Reverse Engineering
ทำธุรกิจแบบคิดย้อนกลับด้วย Reverse Engineering

ก่อนอื่น Reverse Engineering คืออะไร

Reverse Engineering คือการนำสิ่งของอย่างหนึ่งมาถอดออกเป็นชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อศึกษากระบวนการทำงานของสิ่งนั้น เช่น ถ้าเราอยากสร้างคอมพิวเตอร์แต่ไม่มีความรู้เบื้องต้นเลย เราก็อาจจะลองไปซื้อคอมพิวเตอร์มาเครื่องหนึ่ง แล้วถอดส่วนประกอบต่างๆ ออกมาดูว่ามีกลไกทำงานอย่างไร เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานของคอมพิวเตอร์มากขึ้น

Reverse Engineering เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจอย่างไร

เราสามารถนำหลัก Reverse Engineering มาใช้ในการทำธุรกิจได้ โดยเริ่มจาก ‘การตั้งคำถามแบบย้อนกลับ’ คือให้วางวิสัยทัศน์และตั้งเป้าหมายระยะยาวของธุรกิจก่อน จากนั้นลองมองกลับมาว่าถ้าอยากทำให้เป้าหมายนั้นเกิดขึ้นจริง เราต้องลงมือทำอะไรบ้าง เริ่มตั้งตั้งเรื่องคน เรื่องเงินทุน เรื่องการตลาด ไปจนถึงเรื่องระบบการจัดการ เป็นต้น

ชุดคำถามฉบับ Reverse Engineering ที่นำมาใช้ได้จริงในการทำธุรกิจ

  1. แผนระยะยาวของธุรกิจเราคืออะไรบ้าง

  • เป้าหมายสูงสุดของธุรกิจเราคืออะไร
  • เราอยากไปถึงเป้าหมายนั้นภายในเมื่อไหร่ 
  • เราอยากทำให้ธุรกิจเติบโตแค่ในประเทศหรืออยากขยายไปสู่ระดับโลกด้วย 
  • เมื่อธุรกิจเติบโตระดับหนึ่งแล้วเราอยากขายบริษัทของเราให้กับคนอื่นไหม
  • ถ้าอยากขายบริษัทให้กับคนอื่น เราอยากขายในราคาเท่าไหร่
  1. เราจะตั้งเป้าหมายระยะสั้นของธุรกิจไปในทิศทางไหน

  • เพื่อไปสู่เป้าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้ เราต้องทำงานอะไรในแต่ละวันบ้าง
  • ปลายปีนี้เราต้องทำยอดขายให้ได้เท่าไหร่ 
  • เราควรพัฒนาสินค้าหรือบริการตัวไหนให้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของยอดขาย
  • เราควรใช้ช่องทางใดทำการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด
  • เราสามารถพัฒนาเรื่องอะไรเพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้นได้บ้าง
  • เราจะใช้ระบบจัดการอะไรเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยที่เราไม่ต้องมาปวดหัวในทุกๆ วัน
People in office Photo: Shutterstock
  1. เราควรบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

  • เราอยากให้บริษัทมีพนักงานประมาณกี่คน (เราจะรับสมัครพนักงานใหม่มากน้อยแค่ไหน)
  • เราจะไปหาคนทำงานที่มีความสามารถได้จากที่ใด
  • เราจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรอย่างไร
  • เราจะสอนทักษะอะไรให้พนักงานบ้าง
  • ผู้นำแบบไหนน่าจะโน้มน้าวใจคนในบริษัทได้ดีที่สุด
  1. เราจะออกแบบช่องทางออนไลน์อย่างไรให้ลูกค้ามารู้จักธุรกิจเรา

  • เราจะทำ SEO แบบไหนให้ลูกค้าหาธุรกิจของเราเจอบนช่องทางออนไลน์มากที่สุด
  • เราจะออกแบบเว็บไซต์อย่างไรให้ลูกค้าใช้งานง่ายและตัดสินใจจ่ายเงินได้เร็วขึ้น
  • เราจะทำอย่างไรให้ในเว็บไซต์หรือเพจเต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่ดี
  1. เราจะใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อให้ธุรกิจอยู่เหนือคู่แข่ง

  • เมื่อลองหาข้อมูลจากในโลกออนไลน์และออฟไลน์แล้ว เราพบว่าคู่แข่งยังบกพร่องในเรื่องอะไร และเราสามารถเสริมเรื่องนั้นในธุรกิจของตัวเองได้อย่างไรบ้าง 

ตัวอย่างการถอดรหัสโมเดลธุรกิจ Tesla ผ่านวิธี Reverse Engineering

tesla
Elon Musk // ภาพ Getty Images

Tesla เป็นธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลก เพราะ Elon Musk ตั้งใจออกแบบให้บริษัทมีโมเดลธุรกิจที่ค่อนข้างแตกต่างจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน

นี่คือ 4 ข้อที่สรุปวิธีคิดการทำ Reverse Engineering ไว้ได้เห็นภาพ

1. เข้าใจความต้องการลูกค้า

แม้ว่าลูกค้าจะซื้อรถยนต์ของ Tesla ไปแล้ว ทางบริษัทก็จะยังอัพเดตซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ๆ ให้ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าบริการหลังการขายเพิ่มเติม เพราะทางบริษัททราบดีว่าลูกค้าก็อยากเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ทันสมัยเสมอ

2. ขจัดอุปสรรคให้ลูกค้า

Tesla พยายามขยายตำแหน่งของ Supercharger Station ออกไปในวงกว้างมากขี้น โดยบริการนี้จะอนุญาตให้ลูกค้านำรถยนต์มาชาร์จได้ฟรี 30 นาที โดยทางบริษัทเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยทลายกำแพงความกลัวของคนที่ยังไม่กล้าใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ด้วย

3. แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้รวดเร็ว

ทาง Tesla ได้ขายรถยนต์ให้ลูกค้าโดยตรงผ่านโชว์รูมของตัวเอง ไม่ได้ใช้บริการขายผ่านแฟรนไชส์เหมือนเจ้าอื่น ทำให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว และมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่น่าพอใจ เพราะทางบริษัทเทรนพนักงานมาเป็นอย่างดี 

4. เห็น Pain Point ลูกค้า และมี Solution

Tesla มีบริการให้ลูกค้าเก่านำรถยนต์ Tesla ที่ใช้แล้วมาขายเป็นรถมือสอง เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่อยากขับรถยนต์ไฟฟ้า แต่มีงบประมาณไม่มากสามารถซื้อได้ในราคาที่เอื้อมถึง 

สรุป

Reverse Engineering เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการวางแผนธุรกิจ เราสามารถใช้วิธีการนี้ได้โดยเริ่มต้นจากการวางเป้าหมายระยะยาวของธุรกิจ จากนั้นค่อยแบ่งงานที่ต้องจัดการเป็นด้านต่างๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น

ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพมากขึ้นก็เหมือนกับการวางกรอบนอกของจิ๊กซอว์ก่อน จากนั้นค่อยต่อจิ๊กซอว์ด้านในให้ภาพที่คิดไว้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างนั่นเอง

ที่มา : growthink, seositecheckup, investopedia, cleantechnica, medium

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา