ขยายร้านเองอาจไม่ตอบโจทย์ OfficeMate ผลักดันแฟรนไชส์สร้างการเติบโต 150 สาขา ใน 5 ปี

แม้ว่าในปัจจุบันความนิยมในการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ จะขยับจากช่องทางออฟไลน์ หรือหน้าร้าน ไปสู่การซื้อสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ อย่าง OfficeMate ก็มียอดขายในช่องทางออนไลน์เติบโตกว่า 100% ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา

ภาพจาก OfficeMate

แต่อย่างไรก็ตาม หน้าร้านก็ยังมีความสำคัญอยู่เช่นเดิม ซึ่ง OfficeMate ได้ใช้กลยุทธ์ใหม่ในการสร้างการเติบโตโดยใช้แฟรนไชส์ ในชื่อว่า OfficeMate Plus+ ที่รวมเอาจุดแข็งของร้าน OfficeMate ที่เคยมี โดยเฉพาะระบบจัดการสินค้าที่มีกว่า 6 หมื่นรายการ

วิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ OfficeMate Plus+

วิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ OfficeMate Plus+ เล่าว่า OfficeMate Plus+ เริ่มขึ้นตั้งแต่ชวงปี 2018 ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขา โดย 2 สาขาแรกคือ สาขาหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ในจังหวัดปทุมธานี และสาขาหัวหิน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็น 2 สาขาแรกที่ OfficeMate ลงทุนทำเอง เพื่อทดสอบการให้บริการก่อน ส่วนการขยายสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ คาดว่าจะทำได้ 13 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ และ 150 สาขา ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปี

การขยายธุรกิจโดยใช้แฟรนไชส์ OfficeMate Plus+ นี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์สร้างความเติบโตของ OfficeMate เดิม นั่นคือ การขยายช่องทาง และการเพิ่มประเภทสินค้าให้มีความหลากหลายขึ้น เพราะในปัจจุบัน OfficeMate ไม่ได้มีเพียงเครื่องเขียน และอุปกรณ์สำนักงานเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่มีความหลากหลายด้วย

ภาพจาก OfficeMate

ขายได้ทุกช่องทาง ออฟไลน์+ออนไลน์

แฟรนไชส์ OfficeMate Plus+ นับว่ามีความน่าสนใจ เพราะเป็นการผสานจุดแข็งที่ OfficeMate แบบเดิมๆ มี มาสร้างเป็นข้อได้เปรียบของแฟรนไชส์ OfficeMate Plus+ ด้วย นั่นคือการมีสินค้าที่หลากหลาย ครบทุกหมวดหมู่ เหมือนที่ OfficeMate แบบเดิมมี ทั้งเครื่องเขียน, อุปกรณ์ไอที, เฟอร์นิเจอร์, สินค้าโรงงานและอุตสาหกรรม, อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด รวมแล้ว 60,000 รายการ

ส่วนเงินลงทุนเริ่มต้นสำหรับคนที่สนใจเปิดร้าน OfficeMate Plus+ อยู่ที่ประมาณ 2.9 ล้านบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน ที่มีให้เลือก 2 แบบ คือ Compact (40-60 ตารางเมตร) และ Standard (80-120 ตารางเมตร)

ดึงจุดแข็ง OfficeMate เดิม สร้างความได้เปรียบ

สินค้าที่ไม่ได้มีวางจำหน่ายในร้าน OfficeMate Plus+ เจ้าของร้านแฟรนไชส์สามารถเลือกสินค้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในคลังของ OfficeMate เพื่อขายแทนได้ โดยจะมีบริการเดลิเวอรีให้ โดยที่ไม่ต้องเก็บสินค้าจำนวนมากด้วยตัวเองไว้ที่ร้านแฟรนไชส์แต่อย่างใด

นอกจากช่องทางการการจำหน่ายสินค้าที่หน้าร้านแล้ว OfficeMate Plus+ ยังสามารถขายได้ผ่านพนักงานขายและระบบออเดอร์หลังบ้าน ช่องทาง Social Commerce (LINE และ Facebook) รวมถึงการโทรศัพท์เพื่อสั่งซื้อสินค้า โดยไม่ได้หวังให้ลูกค้ามาจากหน้าร้านเพียงอย่างเดียว ซึ่งสัดส่วนช่องทางการซื้อที่ลูกค้าเลือก แบ่งเป็นการซื้อที่หน้าร้าน 50% ส่วนอีก 50% มาจากช่องทาง

วิลาวรรณเล่าเพิ่มเติมว่า คนที่สนใจแฟรนไชส์ OfficeMate Plus+ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ต้องการต่อยอดจากธุรกิจแบบเดิมที่ทำอยู่ ทั้งโรงงาน หรือร้านเครื่องเขียนเดิม เพราะรู้จักกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว

สินค้าขายดีช่วงโควิด

สำหรับสินค้าที่ขายดีของ OfficeMate คือ เครื่องพิมพ์ เฟอร์นิเจอร์ และของที่ใช้ในสำนักงาน ซึ่งแม้ว่าของใช้ภายในสำนักงานจะมียอดขายที่ลดลงบ้าง เพราะโควิด-19 ทำให้คนต้องทำงานที่บ้าน ส่วนสินค้าที่ขายดีในช่วงโควิด-19 คือ เฟอร์นิเจอร์สำหรับทำงานที่บ้าน รวมถึงเครื่องพิมพ์ด้วยเช่นกัน

สินค้าโรงงานและอุตสาหกรรม บรรจุภัณฑ์อาหารขายดี

นอกจากนี้สินค้าโรงงานและอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย หมวก หน้ากาก ถุงมือ รวมถึงสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์อาหาร มียอดขายที่ดี เพราะเป็นสินค้าที่ต้องซื้อใช้ และเปลี่ยนใหม่ตลอดตามมาตรฐานในการทำงาน

สรุป

การใช้แฟรนไชส์ในการขยายช่องทางเข้าถึงลูกค้านับว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจของ OfficeMate เพราะในปัจจุบัน OfficeMate มีสาขารวมทั้งหมด 75 สาขา (ไม่รวมร้าน OfficeMate Plus+ ที่เป็นแฟรนไชส์ 13 สาขา) โดยกว่า 44 สาขาตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนอีก 31 สาขา ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด แฟรนไชส์ จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายฐานเข้าสู่พื้นที่ต่างจังหวัด ที่อาจไม่มีร้านของ OfficeMate ตั้งอยู่ โดยเฉพาะในปีนี้ที่ OfficeMate ตัดสินใจชะลอการปรับปรุงหน้าร้าน (Renovate) ออกไปก่อน แต่หันไปลงทุนด้านการพัฒนาระบบไอทีแทน

ส่วนในมุมของผู้ที่สนใจร้านแฟรนไชส์ OfficeMate Plus+ ก็นับว่ามีความน่าสนใจ ด้วยความง่าย จากจุดแข็งที่ OfficeMate แบบเดิมๆ มี ทั้งการบริหารจัดการระบบสินค้า รวมถึงช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ยิ่งเพิ่มความได้เปรียบในการทำธุรกิจ

ประกอบกับร้านค้าประเภทเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน มีโอกาสที่จะเข้าถึงลูกค้าธุรกิจอื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ทั้ง SMEs 3.1 ล้านราย สถานศึกษา 45,000 แห่ง รวมถึงสถานที่ราชการอีก 392 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เหล่านี้คือฐานลูกค้าสำคัญที่มีความต้องการซื้อสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา