สร้างเสร็จแล้วก็เทได้! Netflix ไม่เอาภาพยนตร์ลงสตรีมมิ่งแม้สร้างเสร็จแล้ว จนผู้สร้างต้องไปเสนอขายให้เจ้าอื่นแทน

หรือ Cancel Culture จะเป็นวัฒนธรรมองค์กรใหม่ของ Netflix? แต่เป็น Cancel Culture ที่ไม่ได้หมายถึงการแบนคนมีชื่อเสียงที่มีพฤติกรรมไม่ดี แต่หมายถึงการยกเลิกภาพยนตร์และซีรีส์ที่ Netflix เห็นว่าไม่ประสบความสำเร็จอย่างรัว ๆ 

Netflix ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้งานมายาวนานเรื่องที่มักจะยกเลิกการสร้างภาคต่อซีรีส์ที่ผู้ใช้ชื่นชอบแต่ทางบริษัทมองว่าไม่ประสบความสำเร็จและทำรายได้ไม่มากเท่าที่ควร ล่าสุด Netflix ท็อปฟอร์มอีกครั้งเมื่อยกเลิกการนำภาพยนตร์ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยมาแล้วลงบนแพลตฟอร์ม

The Hollywood Reporter รายงานว่า Netflix ได้ยกเลิกภาพยนตร์ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และมีแผนที่จะลงสตรีมมิงแล้วด้วย 2 เรื่อง คือ The Inheritance และ House/Wife โดยผู้สร้างภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องจะนำภาพยนตร์ไปเสนอให้กับแพลตฟอร์มอื่นแทน

ภาพยนตร์เรื่อง The Inheritance กำกับโดย Alejandro Brugués และมี Paul Schiff เป็นโปรดิวเซอร์ ส่วน House/Wife กำกับโดย Danis Goulet โดยมี Tripp Vinson และ Daniel Bekerman เป็นโปรดิวเซอร์

สาเหตุที่ยกเลิกภาพยนตร์แม้จะสร้างเสร็จแล้วยังไม่แน่ชัด แต่ Netflix ไม่ใช่แพลตฟอร์มสตรีมมิงภาพยนตร์รายใหญ่เจ้าเดียวที่เกิดกรณีแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ HBO Max ก็ได้ประกาศยกเลิกภาพยนตร์จาก DC เรื่อง Batgirl และภาพยนตร์แอนิเมชัน Scoob! Holiday Haunt หลังจากสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย โดยมีรายงานว่ามีสาเหตุมาจากกลยุทธ์ธุรกิจใหม่จากบริษัทแม่อย่าง Warner Bros. Discovery ที่จะหักภาษีจากงบประมาณที่ใช้สร้างภาพยนตร์

กรณีของ Netflix และ HBO Max มีความแตกต่างกันอยู่ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าภาพยนตร์ที่ Netflix ยกเลิกไป จะมีแพลตฟอร์มสตรีมมิงเจ้าอื่นซื้อไปและได้ออกสู่สายตาสาธารณชนในที่สุด ต่างกับภาพยนตร์ของ HBO Max ที่ไม่มีโอกาสออกมาให้คนได้รับชม 

ในช่วงหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือว่าเป็นปีที่หนักหน่วงของวงการภาพยนตร์ที่ต้องยกเลิกภาพยนตร์และซีรีส์ไปกลางคันระหว่างถ่ายทำหรือแม้แต่ถ่ายทำเสร็จแล้วเพราะไม่สามารถสร้างรายได้จากการฉายในโรงภาพยนตร์ได้ ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์รวมถึง Sony และ Paramount นำภาพยนตร์มาลงในสตรีมมิงแทน

Netflix พยายามควบคุมงบประมาณที่ใช้จ่ายในการสร้างเนื้อหาที่ใช้ไปราว 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเน้นให้ความสำคัญจากรายได้จากผู้ใช้ที่สมัครสมาชิกกว่า 230 ล้านบัญชี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Netflix ได้เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว มีผู้ใช้แบบเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มขึ้น 7.66 ล้านบัญชี

ก่อนหน้านี้ Ted Sarandos ซีอีโอร่วมของ Netflix ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทาง Netflix ไม่เคยยกเลิกซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จ แต่ซีรีส์ที่ถูกยกเลิกเป็นเรื่องที่ใช้งบประมาณกับจำนวนผู้ชมไม่สัมพันธ์กัน พูดง่าย ๆ ก็คือใช้งบประมาณมหาศาลแต่กลับมีคนดูไม่มาก 

แล้วเหตุผลที่ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องถูกยกเลิกแม้จะสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วคืออะไร ในเมื่อ Netflix ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าภาพยนตร์จะมีคนดูมากน้อยขนาดไหน 

ที่มา – The Hollywood Reporter, Bloomberg

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา