Microsoft จับมือ Oracle และกลุ่มสุขภาพ เตรียมออกพาสปอร์ตวัคซีน

กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและกลุ่มสุขภาพเตรียมจับมือกันทำาสปอร์ตวัคซีนดิจิทัล (digital vaccination passport) เพื่อรองรับความต้องการของรัฐบาลและสายการบินรวมทั้งกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการตรวจสอบบุคคลว่ามีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 หรือยัง ผลตรวจออกมาเป็นลบหรือไม่

Vaccine วัคซีน
ภาพจาก Shtterstock

เรื่องนี้อยู่ภายใต้ข้อริเริ่มหนังสือรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccination Credential Initiative) เป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรซึ่งก็มีทั้งบริษัทไมโครซอฟท์, บริษัทออราเคิล และองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสุขภาพ Mayo Clinic ตั้งเป้าเตรียมสร้างมาตรฐานเพื่อยืนยันว่า บุคคลนั้นได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแล้ว ความร่วมมือเกิดขึ้นผ่านโครงการ The Common Project ที่ต้องการสร้างเอกสารรับรองดิจิทัลว่า ผู้ที่เดินทางนั้นได้มีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ โดยพอล เมเยอร์ ซีอีโอของโครงการระบุว่า จะได้ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้วุ่นวายแต่สามารถดึงข้อมูลจากการ์ดดิจิทัลได้เลย

เมเยอร์กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยการพูดคุยกับหลายรัฐบาลที่ต้องการดูผลตรวจโควิด สิ่งนี้มีเพื่อยืนวันว่า บุคคลดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เราอยู่ในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันทั้งโลกแล้ว เราสามารถใช้มันได้ ซึ่งแต่ละประเทศก็สามารถกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องวัคซีนได้ ระบบจะบันทึกข้อมูลไว้ สามารถบันทึกได้ทั้งในกระเป๋าสตางค์แบบดิจิทัลหรือจะเก็บแบบ QR code ก็ได้ สามารถควบคุมได้ว่าจะแบ่งปันข้อมูลให้ใครได้บ้าง

ขณะที่โจน ฮาร์เวย์ ด้าน care solutions จาก Evernorth กล่าวว่า องค์กรธุรกิจต่างๆ อาจจะต้องการ การยืนยันเรื่องการฉีดวัคซีนจากลูกค้า มหาวิทยาลัยอาจต้องการจากนักศึกษา หรือนายจ้างอาจต้องการจากพนักงาน เขาเชื่อว่าบริษัทหลายพันแห่งทั่วโลกสนใจสิ่งนี้ ยิ่งมีโควิดสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นทั่วโลก ก็กระตุ้นความความสนใจเพิ่มขึ้น

Vaccine COVID-19 วัคซีนโควิด
ภาพจาก Shutterstock

อังกฤษจะให้ผู้เดินทางระหว่างประเทศเตรียมผลตรวจโควิดที่เป็นลบเพื่อยืนยันด้วย รัฐบาลยังไม่ตัดสินใจเรื่องพาสปอร์ตวัคซีนตอนนี้ แต่อาจจะนำมาใช้หลังจากที่มีคนจำนวนมากที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้รับวัคซีนแล้ว เพื่อยืนยันผลกระทบจากอัตราการติดเชื้อ และลดอัตราการตายจากโรคโควิดลง สำหรับระบบพาสปอร์ตสุขภาพนี้ได้รับทุนสนับสนุนเป็นโครงการนำร่องจากสองบริษัทคือ บริษัท iProov เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านยืนยันตัวบุคคล (biometric) และบริษัท Mvine เป็นกลุ่มด้านความมั่นคงไซเบอร์

ที่มา – Financial Times

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา