รู้จัก Masayoshi Son พ่อมดนักลงทุนแห่ง SoftBank จากไม่มีอะไร สู่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาทิตย์อุทัย

ประวัติย่อและสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับชายวัย 60 ปี ซีอีโอของ SoftBank และนักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นของชีวิตไม่ได้สวยหรูปูพรมแดง แต่มาจากน้ำพักน้ำแรงและวิสัยทัศน์อันกว้างไกล

Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank Photo: flickr.com by Stephen Shankland

พ่อมดนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่แห่งญี่ปุ่น

ชื่อของ Masayoshi Son อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักในกระแสวงกว้างเท่ากับชื่อของมหาเศรษฐีคนอื่นๆ แต่ถ้าพูดกันในวงการนักลงทุน แทบทุกคนน่าจะต้องรู้จัก ซีอีโอของ SoftBank คนนี้ พ่อมดนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่แห่งญี่ปุ่นและผู้ไม่เคยกลัวการลงทุนนอกธุรกิจหลัก (Core Business) ถึงขั้นกับมีการพูดกันในกลุ่มนักลงทุนว่า ถ้า SoftBank ขยับตัวไปลงทุนอะไร ก็ให้ลงทุนตาม

ล่าสุด SoftBank เพิ่งไปลงทุนใน Uber สตาร์ทอัพยูนิคอร์น(ที่เคยเป็น)เบอร์ 1 ของโลก ด้วยการเข้าซื้อหุ้นกว่า 17.5% การลงทุนในธุรกิจนอกสายของ Son ที่น่าจับตามองยังมีที่น่าสนใจ อย่างเช่น การจับมือกับอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง Alibaba และ Aldebaran บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่เน้นพัฒนาด้านหุ่นยนต์ หรืออย่างการเข้าลงทุนด้าน Mobile Payment ในอินเดียผ่านการลงทุนใน Paytm กว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้เขาได้ตั้ง กองทุน Vision Fund ที่ระดมเงินทุนได้ถึงหลัก 1 แสนล้านดอลลาร์  ขึ้นแท่นกองทุนสายเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยกองทุนนี้จะเอาไว้ลงทุนในธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับ IoT, AI, หุ่นยนต์, โครงสร้างพื้นฐาน, โทรคมนาคม, เทคโนโลยีชีวภาพ, Fintech และ Mobile Application ทั้งหลาย และยังตั้งเป้าจะขยายกองทุนเพิ่มอีก 10 เท่าตัว

  • ประวัติการทำธุรกิจที่โชกโชน การลงทุนที่หลากหลาย และรุ่งโรจน์ของ Son ผ่าน SoftBank ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่รู้หรือไม่ว่า พ่อมดนักลงทุนคนนี้ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง

เปิดประวัติซีอีโอ SoftBank : จาก ไม่มีอะไร ถึง นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น

Masayoshi Son เกิดในปี ค.ศ. 1957 หรือ พ.ศ. 2500 จากเชื้อสายของพ่อแม่ชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่แถบตอนใต้ของเกาะคิวชู ครอบครัวของ Son ทำอาชีพเลี้ยงสัตว์ ค่อนข้างลำบาก ในด้านสังคมด้วยความที่ครอบครัวเป็นคนเกาหลีที่อาศัยในญี่ปุ่นยุคนั้น จึงต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Son บอกว่า “ตอนเด็กๆ ผมนั่งในรถเข็น โดยมีคุณย่าเป็นคนเข็นออกไป เพื่อเก็บเศษอาหารเหลือของเพื่อนบ้าน แล้วเอามาให้เป็นอาหารกับสัตว์ที่เลี้ยง มันแย่มาก พวกเราทำงานกันหนักมาก”

พออายุได้ 16 ปี Son เดินทางไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาที่ University of California ใน Berkeley โดยเป็นครั้งแรกที่เขาได้เริ่มทำธุรกิจขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จครั้งแรก ด้วยการสร้างระบบคอมพิวเตอร์แปลภาษาอังกฤษเป็นญี่ปุ่น สุดท้ายเขาได้ขายให้ Sharp และได้เงินมา 1 ล้านดอลลาร์

ต่อมาในปี 1981 หลังจากกลับจากสหรัฐอเมริกา เขาได้ก่อตั้งบริษัท SoftBank ขึ้นในฐานะผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์และทำนิตยสารด้านคอมพิวเตอร์

Photo: Shutterstock

จนกระทั่งปี 1994 บริษัท SoftBank ได้ออกสู่สาธารณะอย่างเป็นทางการ ด้วยกลยุทธ์ที่ประกาศก้องว่าจะเน้นเชิงรุกเพื่อ take over ธุรกิจทั้งในและนอกญี่ปุ่น

ในช่วงปี 1990 จนถึงปี 2009 เป็นช่วงที่ SoftBank บุกหนัก โดยได้เข้าซื้อ Ziff-Davis Communications สื่อนิตยสารอเมริกันสายคอมพิวเตอร์ รวมถึง PC Magazine, ผู้ผลิตชิป Kingston, ธุรกิจจัดงานประชุม Interface and Comdex รวมถึงสายกีฬาอย่าง Fukuoka-based Hawks ก็เข้าซื้อ จนเปลี่ยนชื่อมาเป็น Fukuoka SoftBank Hawks นอกจากนั้น SoftBank ยังเคยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Yahoo และต้องให้เครดิตไว้ด้วยว่า SoftBank เป็นบริษัทที่ผลักดันให้ญี่ปุ่นมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใช้งานในประเทศ

การเกิดขึ้นของ SoftBank ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับธุรกิจ Telco ผู้ครองตลาดในญี่ปุ่นมานานอย่าง NTT DoCoMo และรายย่อยอื่นๆ เพราะเข้ามาเล่นในตลาดอย่างแข็งแกร่ง ส่งบริการที่ถูกกว่า และยังเป็นรายแรกที่นำเอา iPhone เข้ามาในญี่ปุ่นอีกด้วย

David Gibson นักวิเคราะห์จาก Macquarie Bank เคยให้สัมภาษณ์ถึง Son ไว้ว่า “เขาเป็นคนที่มีบุคลิกแปลกๆ เขามีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่านักลงทุนคนอื่นๆ”

  • อ้างอิงจาก Forbes ระบุว่า Son เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 2.22 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนที่น่าจับตามองต่อไปคือ

อ้างอิง – Japantoday

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา