Uber ตกเป็น Startup เบอร์ 2 ของโลกในแง่ Valuation พ่าย Didi Chuxing จากจีน

Uber เคยเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่อง Valuation ด้วยมูลค่ากิจการกว่า 7 หมื่นล้านเหรียญในปีก่อน แต่หลังประกาศขายหุ้น 17.5% ให้ Softbank มูลค่าก็เหลือ 4.8 หมื่นล้านเหรียญ ต่ำกว่า Didi Chuxing จากจีนที่มีมูลค่า 5.6 หมื่นล้านเหรียญแล้ว

ภาพ pexels.com

ขายหุ้น 17.5% พร้อมแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์

หลัง Uber เจอวิกฤติมามากมายในปีนี้ จนผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนก่อนอย่าง Travis Kalanick ต้องลาออก และจ้าง Dara Khosrowshahi มาดำรงตำแหน่งนี้แทนในเดือนส.ค. 2560 ซึ่งแผนแรกๆ ของเขานอกจากจัดระเบียบองค์กรให้เรียบร้อย คือนำ Uber เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2562

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาขายหุ้นในสัดส่วน 17.5% ของบริษัท ให้กับ Softbank และกลุ่มผู้ลงทุน ในราคา 33 ดอลลาร์/หุ้น เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุนที่สนใจเมื่อประกาศ IPO ในปี 2562 แถมการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งรวมถึงพนักงานก็ได้ผลตอบจากการขายหุ้นตัวเองออกไปจำนวนหนึ่งด้วย

แต่การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ไม่ได้ดีไปเสียทั้งหมด เพราะกระทบถึง Valuation ของบริษัททันที โดยตัวมูลค่ากิจการได้ลดลงเหลือ 48,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเมื่อปีก่อนที่ Uber เคลมไว้ที่ 70,000 ล้านดอลลาร์ หรือลดลง 30% แต่ทาง Softbank ก็ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 1,250 ล้านดอลลาร์ด้วย หลังซื้อหุ้นมาได้ในราคาที่ถูกกว่ามูลค่าเดิม

ภาพจาก Didi Chuxing

พ่าย Didi Chuxing ที่ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งโลก

อย่างไรก็ตามมันยังมีเรื่องที่กระทบกับความคิดนักลงทุนอีกเรื่องคือ มูลค่ากิจการของ Uber นั้นไม่ได้เป็น Startup เบอร์หนึ่งของโลกอีกต่อไป เพราะเมื่อมูลค่าลดลงมาเหลือ 48,000 ล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าน้อยกว่า Didi Chuxing ผู้ให้บริการ Ride Hailing จากประเทศจีน ที่ปัจจุบันประกาศ Valuation ไว้ที่ 56,000 ล้านดอลลาร์

สำหรับทาง Didi เอง ล่าสุดเพิ่งระดมทุนอีก 4,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาระบบ Artificial Intelligence (AI), การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน รวมถึงการขยายออกไปในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต โดยตอนนี้ Didi เคลมว่ามีผู้ใช้งาน 450 คน และมีผู้ขับในระบบกว่า 21 ล้านคน

ส่วนอันดับ Startup ในแง่ Valuation ที่เป็นรอง Uber คือ Xiaomi ที่มีมูลค่ากิจการ 46,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนอันดับที่ 4 คือ Airbnb ที่ 30,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนอันดับที่ 5 มี 2 บริษัทคือ Palantir และ WeWork ที่ 20,000 ล้านดอลลาร์

สรุป

เรียกได้ว่าเสียหายไปไม่น้อยเหมือนกัน เพราะแทนที่จะขายหุ้นได้ในมูลค่าเดิมๆ แต่ก็ถูกลดราคาลงมา นี่ยังดีที่ทาง Softbank ยังเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเงินทุนเพิ่ม และถ้ามองในอนาคต โอกาสสร้างความน่าเชื่อถือของ Uber ก็คงฟื้นกลับมาอีกครั้ง หลังจากผ่านเรื่องแย่ๆ มามาก

อ้างอิง // The New York Times, Tech Crunch, Bloomberg 1, 2, Forbes

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา