ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาเป็นตลาดหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของโลกแทนที่จีนอีกครั้ง

หลังจากที่เสียตำแหน่งตลาดหุ้นใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลกให้กับจีนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตอนนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง

ภาพจาก Shutterstock

ตลาดหลักทรัพย์จีนได้ตกลงเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทต่างๆ ในจีนตกลงมาเหลือ 6.09 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นซึ่งมีมูลค่าตลาดของบริษัทต่างๆ 6.17 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอันดับ 1 ยังคงเป็นตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ที่ 31 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีนเอาชนะตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นได้ในปี 2014 แถมยังมีมูลค่าไปแตะระดับ 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2015 ก่อนที่จะตกลงมาอย่างหนัก และทำให้ชาวจีนบางส่วนโดนจับข้อหาปั่นหุ้นอีกด้วย ก่อนที่จะมาตกอีกครั้งในช่วงที่ผ่านมา

ทำไมตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึงยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้

ขณะที่ ดัชนีในประเทศจีนอย่าง Shanghai Composite Index ตกลงมาแล้วกว่า 16% ตั้งแต่ต้นปี ส่วน CSI 300 ซึ่งรวมบริษัทใหญ่ที่สุดในประเทศจีนกว่า 300 บริษัทก็ตกลงมา 20% เช่นเดียวกัน แต่ขณะที่ดัชนี ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง Topix ในปีนี้ตกลงมาเพียงแค่ 4% ส่วน Nikkei 225 ที่รวมบริษัทใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น ตกลงมาแค่ 1%

สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นดูดีกว่านั้นสาเหตุคือเรื่องของการทำนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ยังมีการซื้อ ETF หุ้นญี่ปุ่น และรวมไปถึงปัจจัยสำคัญอย่างกำไรบริษัทใหญ่ๆ ที่ดูดี ยกตัวอย่างเช่น Toyota และบริษัทส่วนใหญ่ถึง 60% มีการรายงานงบการเงินที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้

สงครามการค้าคือปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนตกหนัก

มูลค่าตลาดที่หายไปกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และยังคงหายอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน Banny Lam นักวิเคราะห์ของ CEB International Investment Corp ได้กล่าวเสริมว่าในขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นดูมีเสถียรภาพมากกว่าจากเรื่องนี้มากกว่า

นอกจากนั้นแรงกดดันจากสงครามการค้าทำให้ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงมาแล้วกว่า 8% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบในดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศจีนใน 2-3 ปีข้างหน้าด้วย รวมไปถึงธนาคารกลางของจีนต้องแทรกแซงค่าเงินหยวนเพิ่มเติมอีกด้วย

ภาพจาก Shutterstock

เดี๋ยวกลับมาได้

Linus Yip นักวิเคราะห์จาก First Shanghai Securities ได้กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนน่าจะเสียตำแหน่งในเรื่องนี้ 2-3 เดือน เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจยังมีเสถียรภาพ นอกจากนั้น GDP ของจีนก็ยังเติบโตสูงอยู่แล้วด้วย ยังไงก็ดีท้ายที่สุดแล้วถ้าหากทุกอย่างกลับมาเป็นปกติตลาดหุ้นจีนก็สามารถเอาชนะตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้แน่นอน

ที่มาBloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ