อีคอมเมิร์ซบูม-แรงงานขาดแคลน กระเทือนบริษัทลอจิสติกส์ญี่ปุ่น

Brand Inside เพิ่งเสนอบทความ อีคอมเมิร์ซทะลัก มธ.รังสิต ขอความร่วมมือบุคลากร งดสั่งของส่วนตัวมาส่งที่มหาวิทยาลัย แต่สภาวะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะที่ญี่ปุ่นก็มีปัญหาแบบเดียวกัน

บริษัทขนส่ง Yamato Transport หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “แมวดำ” (เพิ่งเข้ามาร่วมทุนกับ SCG ทำธุรกิจในไทย) ระบุว่าในเดือนธันวาคมปี 2016 เพียงแค่เดือนเดียว ก็มีพัสดุวิ่งผ่านระบบของ Yamato มากถึง 230 ล้านชิ้น

Yamato ระบุว่าปริมาณพัสดุเพิ่มมากขึ้น เป็นผลมาจากธุรกิจการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งผ่าน Amazon Japan และ Rakuten บวกกับความนิยมซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ส่งผลให้พัสดุล่าช้า และ Yamato ก็ได้รับคำถามจากลูกค้าจำนวนมหาศาลว่าพัสดุของตัวเองไปถึงไหนแล้ว

ภาพจาก Flickr โดย halfrain

นอกจากปริมาณพัสดุที่เพิ่มขึ้นแล้ว ปัญหาอีกอย่างที่ทำให้สถานการณ์ Yamato Transport เลวร้ายลงไปอีกคือ ไม่สามารถหาคนมาทำงานได้ทัน ตัวอย่างคือ Yamato สาขาเมือง Yokohama ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท มีพนักงานอยู่แล้ว 3,800 คน แต่ประเมินว่าจำเป็นต้องเพิ่มพนักงานอีก 2,400 คนเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ

ประเด็นนี้ส่งผลให้ Yamato สาขา Yokohama ต้องทำทุกทางเพื่อจ้างคนให้ได้มากขึ้น ตั้งแต่การเพิ่มค่าจ้างพนักงานพาร์ทไทม์ 20%, เพิ่มรถรับส่งพนักงานไปกลับระหว่างตัวเมืองกับศูนย์ลอจิสติกส์ของบริษัท, ไปจนถึงขอให้พนักงานทุกคนควานหาคนรู้จักในเครือข่ายที่จะเข้ามาทำงานกับบริษัทได้

อุตสาหกรรมลอจิสติกส์ของญี่ปุ่นกำลังเจอปัญหาแรงงานขาดแคลน ส่งผลให้พนักงานปัจจุบันมีงานล้นมือ ปริมาณพัสดุเฉลี่ยที่ต้องจัดการ เพิ่มจาก 140 ชิ้นต่อวันมาเป็น 180 ชิ้น ภาระงานที่หนักหน่วงก็ทำให้พนักงานลาออก

บริษัทลอจิสติกส์ในญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ หนึ่งในนั้นคือจับมือกันเพื่อร่วมกันขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แชร์รถยนต์ร่วมกันในบางพื้นที่เพื่อให้ประหยัดต้นทุน รวมถึงหาหนทางแก้ปัญหาไปส่งสินค้าแล้วไม่พบตัวผู้รับ ทำให้ต้องมาส่งใหม่อีกครั้งซึ่งเป็นต้นทุนราคาแพงของบริษัทลอจิสติกส์

ที่มา – Nikkei

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา