IMF คาดการณ์ วัคซีนต้านโควิดจะช่วยให้เศรษฐกิจโลกปี 2021 ขยายตัวได้มากถึง 5.5%

IMF คาดการณ์ การจำแนกแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 จะช่วยทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้แข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่ซบเซา หดตัวลง 3.5% ในปี 2020 ซึ่งถือว่าเป็นระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้น หลังการแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวแล้ว น่าจะทำให้เศรษฐกิจปี 2021 นี้ขยายตัวอยู่ที่ 5.5%

สหรัฐ United States
Photo by Vlad Busuioc on Unsplash

ก่อนหน้านี้ เดือนตุลาคม ปี 2020 IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจน่าจะขยายตัวอยู่ที่ 5.2% แต่ตอนนี้มีการปรับคาดการณ์ใหม่ คาดว่าจะเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่โลกผ่านวิกฤตการเงินมาได้ในช่วงปี 2010 ที่ผ่านมา 

วัคซีนควรจะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ ขณะเดียวกันถ้ารัฐบาลทั่วโลกลดมาตรการล็อคดาวน์และสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเคลื่อนไหวได้ปกติ ก็น่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวไปด้วย ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกยังได้รับผลบวกจากการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลเมื่อปีที่ผ่านมาทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

ด้านนักเศรษฐศาสตร์จาก IMF ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งนโยบายของรัฐบาลทั่วโลกในการควบคุมโรคระบาด การกลายพันธุ์ของไวรัส ไปจนถึงวัคซีนที่ควรจะมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะคุมโรคระบาดได้ ยังมีอะไรที่ไม่แน่นอนรออยู่ข้างหน้าอีกมาก 

ทั้งนี้ จากภาพรวมของเศรษฐกิจโลก มีการคาดการณ์ว่า ปี 2021 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจะขยายตัวอยู่ที่ 5.1% หลังจากปี 2020 หดตัวไป 3.4%  ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกก็คาดว่าน่าจะเติบโตอยู่ที่ 8.1% หลังเศรษฐกิจขยายตัวท่ามกลางโควิดระบาดปี 2020 อยู่ที่ 2.3% 

Vaccine COVID-19 วัคซีนโควิด
ภาพจาก Shutterstock

นอกจากนี้ 19 ประเทศในยุโรปที่ใช้เงินยูโรร่วมกันน่าจะเติบโตอยู่ที่ 4.2% หลังจากหดตัวอย่างหนักที่ 7.2% เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ส่วนญี่ปุ่นก็น่าจะเติบโตอยู่ที่ 3.1% หลังจากที่หดตัวไป 5.1% ในปี 2020 

นอกจากนี้ IMF ยังคาดการณ์ว่าอินเดียน่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการฟื้นตัวทั้งในภาคของการผลิตและภาคการเกษตร น่าจะขยายตัวอยู่ที่ 11.5% เติบโตเร็วที่สุดในบรรดาประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่หลังจากที่หดตัวราว 8% ในปี 2020 อีกทั้งการค้าโลก ก็คาดการณ์ว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ขยายตัวอยู่ที่ 8.1% หลังจากที่ลดลงไป 9.6% จากปีก่อนหน้า 

ที่มา – Nikkei Asia 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา