ถอดวิธีคิดแม่ของ Elon Musk ปั้นลูกยังไงให้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก

Elon Musk ติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลของโลกจากนิตยสาร TIME ปี 2021 ถ้าอยากรู้ว่าทรงอิทธิพลแค่ไหน ก็ลองตามทวิตเตอร์เขาดู เราจะเห็นว่าอีลอน มัสก์ ถูกแปะป้ายไว้หลายนิยามด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นขาปั่นคริปโต ขาปั่นหุ้น จนตลาดปั่นป่วนวุ่นวาย 

ไหนจะความขี้แซะทั้งหลาย เช่นการทวีตว่าเจฟ บีซอสว่าเป็นขาก็อปปี้ ทำงานตามหลังอีลอน มัสก์และยังใช้ความช่างจิกกัดนี้แซะทั้งคนและระบบ จนถูกพูดถึงอย่างหนัก ซึ่งเขาก็เคยบอกไว้ว่า เขาชอบให้คนพูดถึง เพราะมันช่วยโฆษณาให้เขาฟรี โดยไม่ต้องเสียเงิน

แน่นอนว่าอีลอน มัสก์ไม่ได้ถูกมองแค่มุมเดียว เขาไม่ได้เป็นแค่ขาปั่น ขาแซะ แต่เขายังมีภาพของความเป็นคนช่างอุทิศตน ทำงานอย่างหนักหน่วง หนักระดับทำงาน 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และยังนอนหลับพักผ่อนน้อยมาก ทั้งยังมุ่งมั่นและฉีกศักยภาพของตัวเองออกไปได้ไกลอย่างไร้ขีดจำกัด 

เขาเป็นทั้งนักธุรกิจ นักลงทุน วิศวกรและนักประดิษฐ์ ก่อตั้งและบริหารบริษัทแห่งโลกอนาคตทั้งนั้น เรียกได้ว่าเขาเป็นเสมือนคนปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมคนหนึ่ง นับตั้งแต่วงการการเงิน PayPal, อวกาศ SpaceX, รถยนต์ไฟฟ้า Tesla, ปฏิบัติการขุดเจาะอุโมงค์ภาคพื้นดินไปจนถึงขุดอุโมงค์สำหรับ HyperLoop หรือทำระบบขนส่งมวลชนทางท่อทั้งใต้ดินและบนดินผ่านบริษัท The Boring Company, ปฏิวัติเทคโนโลยีประสาท ประสานสมองเข้ากับเครื่องจักร Neuralink, มุ่งวิจัยเรื่องปัญญาประดิษฐ์ผ่าน OpenAI และธุรกิจจัดหาข้อมูลออนไลน์ให้สื่อดังหลากหลายแห่ง Zip2 

อะไรก็เป็นไปได้ เมื่ออีลอน มัสก์ทำ

ปัจจัยสำคัญที่ประกอบสร้างให้อีลอน มัสก์เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เขาเป็นทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กด้วย เรามาดูวิธีคิดแม่ของเขากันดีกว่า เลี้ยงลูกแบบไหน เลี้ยงอย่างไร ทำไมโตขึ้นจึงกลายเป็นคนแบบอีลอน มัสก์

รากของ Elon Musk มาจากไหน ครอบครัวเขาเป็นยังไง?

Maye Haldeman แม่ของมัสก์อายุ 73 ปี เป็นชาวแคนาดา เธอมีอาชีพเป็นทั้งนางแบบ นักโภชนาการ และนักเขียน พ่อของเธอหรือตาของมัสก์ คือ Dr. Joshua Norman Haldeman เป็นแพทย์บำบัดโรคด้วยการจัดกระดูก ส่วนแม่ของ Maye หรือยายของมัสก์ คือ Winnifred Josephine เป็นนักโบราณคดี 

พ่อของอีลอน มัสก์คือ Errol Musk เป็นชาวแอฟริกาใต้ มีอาชีพเป็นทั้งวิศวกรไฟฟ้า นักบินและยังเป็นนักเดินเรือ เป็นวิศวกรที่ปรึกษาและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปู่ของ Musk คือ Walter Henry James Musk เป็นคนแอฟริกา ย่าของเขาคือ Cora Amelia Robinson เป็นคนอังกฤษ (ไม่ปรากฎอาชีพ)

พ่อและแม่แต่งงานกันในปี 1970 มีลูกคนแรกคืออีลอน มัสก์ในปี 1971 ตามด้วยลูกชายคนที่สอง Kimbal ปี 1972 (ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจที่นิยมทำการกุศล เป็นเจ้าของร้านอาหารด้วย) และ Tosca ลูกสาวคนสุดท้องในปี 1974 (ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการผลิตและผู้กำกับภาพยนตร์)

Errol และ Maye หย่ากันในปี 1979 ลูกชายทั้งสอง Elon และ Kimbal อยู่กับพ่อของเขาในวันธรรมดาและไปอยู่กับแม่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วน Tosca ลูกสาว อาศัยอยู่กับแม่ ต่อมา Errol ไปแต่งงานกับแม่หม้าย Heide-Mari และมีลูกติด 3 คน เขาและเธอมีลูกสาวด้วยกันอีก 2 คน คือ Alexandra “Ali” Musk และ Asha “Rose” Musk

Elon Musk
Elon Musk ภาพจาก Shutterstock

ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อห่างเหิน แต่ก็ได้สายเลือดวิศวะมา

เรื่องของพ่ออีลอน มัสก์หรือ Errol นั้นแทบจะหลุดออกมาจากปากของมัสก์น้อยมาก เขาพูดถึงพ่อน้อยมากและยังแสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์แปลกแยกจากกัน บ่อยครั้งที่เขาพูดถึงพ่อ เขามักจะบอกแค่เพียงว่าพ่อของเขาเป็นคนน่ากลัว เขาเคยพูดถึงพ่อเขาว่า พ่อของเขาจะวางแผนอย่างระมัดระวัง แผนที่ว่านี้ก็คือแผนการแห่งความชั่วร้ายด้วย

แม้จะพูดเช่นนั้นเป็นประจำ แต่เขาก็เชื่อว่า เขาได้สืบทอดทักษะทางวิศวกรรมมาจากพ่อของเขาและทำให้เขาเป็นวิศวกรรรมที่ชาญฉลาดด้วย แต่เขาก็เคยให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า Wikipedia เคยบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากพ่อในด้านเทคโนโลยี แต่นั่นไม่ใช่ความจริงเลย พ่อของเขาไม่ต้องการให้เขาซื้อคอมพิวเตอร์ใช้ด้วยซ้ำ แม้จะเป็นวิศวกรไฟฟ้าแต่ก็ไม่ใช่นักเทคโนโลยี และต้นแบบที่แท้จริงของมัสก์ คือ Thomas Alva Edison หรือผู้คิดค้นหลอดไฟนั่นเอง 

นอกจากนี้ Errol พ่อของอีลอน มัสก์ยังมีประเด็นฉาว แอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับ Jana ลูกติดของภรรรยาใหม่และมีลูกด้วยกัน (ตอนที่แต่งงานกับภรรยาใหม่ที่ไม่ใช่แม่มัสก์ ลูกเลี้ยงคนนี้มีอายุ 4 ปี) 

“จงทำงานอย่างหนักให้ลูกเห็น ไม่เอาใจลูกเกินไป ส่งเสริมเรื่องที่ลูกสนใจ”

Maye Musk แม่ของอีลอน มัสก์กล่าวว่า เธอมักจะถูกผู้คนตั้งคำถามอยู่เสมอว่าเธอเลี้ยงลูกยังไงให้กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ เธอเล่าว่า เธอจะตอบคำถามเหล่านั้นว่า เธอสอนลูกๆ ด้วยการทำงานหนักให้เห็น และปล่อยให้ลูกๆ ทำในสิ่งที่พวกเขาสนใจ

การทำงานอย่างหนักคือหลักการที่เธอเลือกใช้สอนลูกๆ ของเธอ เธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกทั้งสามคนให้เติบโต เธอบอกว่าหลักการเรื่องทำงานอย่างหนัก เธอเอามาจากพ่อแม่ของเธอ (หรือตากับยายของมัสก์นั่นเอง) ตาสอนให้แม่ของอีลอน มัสก์ พับแผ่นพับสำหรับโปรโมตงานบำบัดโรคด้วยการจัดกระดูก เธอและพี่น้องฝาแฝดจะได้รับค่าจ้างราว 5 เซ็น เมื่อ Maye อายุ 12 ปีเธอก็เริ่มทำงานเป็นพนักงานต้อนรับด้วย ตากับยายของมัสก์ ปฏิบัติต่อลูกเหมือนพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเธอมีลูก เธอก็สอนให้ลูกทำงานตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งธุรกิจโภชนาการและโรงเรียนสอนเดินแบบของเธอ

ไม่เคยบงการว่าต้องเรียนอะไร ปล่อยให้ลูกทำตามความฝัน

Maye บอกว่า ลูกๆ ของเธอเห็นว่าเธอทำงานอย่างหนัก ลูกๆ มีที่อยู่อาศัย มีอาหารกินและซื้อเสื้อผ้ามือสองใส่ เธอทำให้ลูกๆ ของเธอมีความรับผิดชอบในอาชีพการงานของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งรับประกันว่าแค่มีความรับผิดชอบแล้วจะประสบความสำเร็จ

เธอไม่เห็นด้วยที่พ่อแม่ทั้งหลายจะส่งเสริมและตามใจลูก ให้ลูกมีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหรา เธอปล่อยให้ลูกๆ อยู่อาศัยกันด้วยความยากลำบากในวัยมหา’ลัย นอนบนฟูกร่วมกับรูมเมท 6 คน หรือไม่ก็ให้อยู่ในบ้านที่มีความทรุดโทรม สิ่งเดียวที่เธอจะเข้าไปดูแลคือ ทำให้ลูกๆ มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัย เธอบอกว่า เด็กๆ ไม่ควรติดอยู่กับชีวิตที่หรูหรา ถ้าทำได้เช่นนั้น พวกเขาจะเอาตัวรอดได้ เธอจะดูให้แน่ใจว่าลูกของเธอปลอดภัย ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเอง

ส่วนวิธีคิดเรื่องการสอนให้ลูกเห็นความสำคัญของการทำงานหนักนั้น เธอเห็นพ่อแม่เธอทำงานหนักตลอดเวลา เธอจะเห็นพ่อแม่ของเธอตอนหกโมงเย็นในช่วงเวลาอาหารเย็นเท่านั้น ตากับยายของมัสก์ให้อิสระกับเธอ ลูกๆ ของเธอต่างต้องรับผิดชอบตัวเอง หาทุนเรียนเอง ทำการบ้านด้วยตัวเองเพราะเธอไม่มีเวลา เธอสอนให้ลูกเห็นความสำคัญของการทำงานอย่างหนักและการทำสิ่งที่ดี เธอไม่เคยบอกว่าลูกๆ ควรเรียนอะไร ไม่เคยปฏิบัติต่อลูกๆ เหมือนพวกเขาเป็นเด็ก ไม่เคยตรวจการบ้านเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ลูกๆ ต้องรับผิดชอบเอง

เธอปล่อยให้ลูกๆ ของเธอเลือกอาหารทานเอง เลือกมหาวิทยาลัยเอง พวกเขาต้องรับผิดชอบอนาคตของตัวเอง แต่ถ้าพวกเขาต้องการทำธุรกิจและเธอคิดว่าเป็นแนวคิดที่ดี เธอก็จะสนับสนุนพวกเขา สอนให้ลูกมีมารยาทที่ดีแต่ปล่อยให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา