“ปรสิตเดี่ยว” ชื่อเรียกคนโสดญี่ปุ่น โตมากแล้วแต่ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ | BI Opinion

นาทีนี้ สำหรับใครที่ได้ดูหนังน้ำดีสัญชาติเกาหลี “Parasite” แล้วประทับใจ คงร่วมแสดงความยินดีกับภาพยนตร์เรื่องนี้กันอยู่ “Parasite” หรือหนังที่พูดถึงความไม่เท่าเทียมของสังคมและพูดถึงความเป็นอยู่ของคนชนชั้นต่างๆ และความเป็นปรสิตที่โด่งดังจนไปคว้ารางวัลได้ทั้งปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์และรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์

ชื่อนี้ ไม่ได้มีแค่ในหนัง แต่เอาเข้าจริง “parasite singles” ถูกนำมาใช้เรียกชาวญี่ปุ่นที่เป็นคนโสด โตแล้วแต่ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ว่าเป็น ปรสิต แต่ย้ำเข้าไปอีกหน่อยว่าเป็น “ปรสิตเดี่ยว” ที่หมายถึงปรสิตที่ยังโสดอยู่นั่นเอง สำหรับในไทยได้ฟังเช่นนี้อาจจะกระทบความรู้สึกมากหน่อย เพราะเราไม่ใช้ชื่อแบบนี้เรียกขานกัน

ส่วนใหญ่ที่คนไทยยังโสด อายุมาก และยังอยู่กับพ่อแม่มักจะอยู่ในข่ายต้องการดูแลพ่อแม่ หรือวัฒนธรรมครอบครัวใหญ่ที่มีหลายครอบครัวอยู่รวมกัน ทั้งนี้ ปัจจุบันคนยุคใหม่ก็มักจะแยกตัวออกไปเป็นครอบครัวเดี่ยว 

ลองคิดอีกมุมหนึ่งว่า ถ้าไม่ใช่เป็นปรสิตเดี่ยว แต่เป็นปรสิตคู่ หรือแต่งงานแล้วแต่ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ หรือปรสิตกลุ่ม คือแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว แต่ยังอยู่กับพ่อแม่ จะเป็นอย่างไร? อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมปรสิตเดี่ยว จริงๆ แล้วก็มีในหลายพื้นที่ ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่น ในไทยก็เป็น ในต่างประเทศ ในยุโรป ทั่วโลกก็เป็นกัน แต่เขาไม่ได้นำชื่อปรสิตมาเรียกกัน

ทำไมคนโสดชาวญี่ปุ่น ที่ยังอยู่กับพ่อแม่จึงถูกเรียกว่า “ปรสิตเดี่ยว”?

ความหมายตรงตัวของปรสิตก็คือสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตในการอาศัยอยู่กับผู้อื่นหรือเซลส์ชนิดอื่นเป็นที่พักอาศัยและเป็นแหล่งอาหาร หลายครั้งก็ทำลายสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์จนทำให้ผู้อื่นนั้นเจ็บป่วยหรือถึงแก่ชีวิตได้ด้วย

ในญี่ปุ่น มักจะใช้คำว่า “ปรสิตเดี่ยว” เรียกขานคนอายุ 20-49 ปีที่ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ หลายครั้งที่พ่อแม่ของคนโสดมักจะจัดงานคลุมถุงชนให้อย่างเป็นทางการ หรืองานปาร์ตี้เปิดตัวคนโสด เพื่อให้คนโสดมาเจอกัน คบหาดูใจกันจนนำไปสู่การแต่งงาน ในส่วนของพ่อแม่ก็เห็นดีเห็นงามที่จะหาคู่ให้ลูก ในส่วนของลูกก็มีทั้งยินดีที่จะให้พ่อแม่จัดหาให้ และบางครั้งก็อาจจะไม่พอใจในการจัดหานั้น รวมถึงความพอใจที่จะอยู่กับพ่อแม่จนแก่เฒ่า

สถานการณ์ที่คนโสดญี่ปุ่นยังอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ในพื้นที่ไหนๆ ก็มักจะมีปัจจัยเดียวกันที่ทำให้โสด ก็คือเป็นคนโสดที่หาคู่ชีวิตที่เหมาะสมไม่ได้ ซึ่งก็มีทั้งคนที่มาตรฐานสูงและคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานจนไม่ต้องการใคร ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า คนยุคใหม่ยุคนี้ใช้ชีวิตอยู่เป็นคู่ยาก หรือฉีกตัวออกไปจากครอบครัวเพื่อใช้ชีวิตคนเดียวยาก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? 

ในแง่หนึ่ง การเปลี่ยนชีวิตจากสถานะโสดเข้าสู่สถานะครองคู่นี้ ก็เคยมีผลวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าคนยุคนี้มักโสดกันเยอะ ทั้งที่โสดเพราะไม่มีใครจริงๆ อยู่คนเดียวและมีความสุขกว่า และโสดเพราะความรักที่มีไม่ดีพอ จนนำไปสู่การเลิกรา

ผู้หญิงโสดมีความสุข อายุยืนกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
ผู้หญิงโสดมีความสุข อายุยืนกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ภาพจาก Shutterstock

คนรุ่นใหม่ยุคนี้ ช่วงวัยแห่งความบอบช้ำ เปราะบาง เศร้าง่าย 

ปรากฏการณ์สิ้นหวังของคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นหลายปัจจัย ทั้งแรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจ ทั้งแรงกดดันจากสภาวะทางสังคม และการเมือง 

ในแง่ของการทำงาน หากทำงานและอยากลาออก แรงกดดันทางเศรษฐกิจทำให้ลาออกจากงานที่ไม่ชอบก็ไม่ได้ ทำงานอยู่ต่อไปก็ไม่มีความสุข ทำงานไม่ดีก็ทำให้ตกงาน ตกงานนานๆ ถ้าหมดหวังมาก ก็กลายเป็นคนเก็บตัว เข้าสังคมไม่ได้ และในที่สุดก็กลายเป็น “ฮิคิโคโมริ” กลายเป็นภาระหนักสำหรับพ่อแม่ที่ต้องหาทางช่วยเหลือแก้ไขให้หายอีก บางกรณีรักษาหาย แต่ถ้ากรณีที่รักษาไม่หายและพ่อแม่เสียชีวิตกันไปหมด พวกเขาจะใช้ชีวิตให้รอดต่อไปได้อย่างไร?

คนรุ่นใหม่ไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง เพราะราคาที่แพงจนไม่รู้ว่าชีวิตนี้ซื้อบ้านสักหลังแล้วจะต้องหาเงินผ่อนบ้านไปตลอดชีวิตไหม นี่คือภาวะติดกับดัก หลายคนซื้อบ้านเป็นภาระก้อนใหญ่ ต้องการเปลี่ยนงานก็ลาออกจากงานไม่ได้ ถ้างานไม่ดีก็อยู่ไปอย่างใจที่ไม่เป็นสุข รุ่มร้อน พร้อมจะลาออกตลอดเวลา แต่ลาออกไม่ได้เพราะมีภาระหนัก ภาวะที่ว่ามาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ทุกชนชั้น ยกเว้นชนชั้นสูงที่มีพ่อแม่คอยควักเงินจ่าย พร้อมเปย์ให้ทุกอย่างแบบที่ไม่ต้องลำบากไขว่คว้า ดิ้นรนเอง 

ทางออกจากการเป็น “ปรสิตเดี่ยว” ที่ต้องอาศัยบุพการีคอยค้ำจุนชีวิต

ประเด็นเรื่องการเป็น “ปรสิตเดี่ยว” จะไม่เป็นปัญหา ถ้าพ่อแม่พร้อมจ่ายและมีฐานะดีพร้อม แต่มันจะเป็นปัญหา และเราจะกลายเป็นปรสิตเดี่ยวทันที ถ้าพ่อแม่เองก็ไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะถูกเราดูดกลืน ในญี่ปุ่นอาจจะไม่มีปัญหาหนักหนานัก 

แต่ถ้าเทียบกับไทยที่มีลูกหลานเป็นปรสิต แถมพ่อแม่ก็อยู่ในวัยเกษียณ เงินวัยเกษียณที่เก็บไว้ก็ไม่พอใช้ แถมมีหนี้และยังมีลูกมาสูบมาไถ ไม่น่าจะทำให้ชีวิตของใครดีขึ้นแน่ สิ่งที่เราหรือคนรุ่นใหม่ควรจะทำคือ ฉีกความเป็นปรสิตและเป็นที่พึ่งให้กับครอบครัวหรือพ่อแม่มากขึ้น มากกว่าที่คนวัยทำงานจะมัวแต่หาทางพึ่งพาจากคนวัยเกษียณหรือวัยใกล้เกษียณ

ทั้งนี้ งานวิจัยจากต่างประเทศหลายชิ้นระบุว่าคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มักตกงาน ว่างงาน ซึ่งมีทั้งคนที่ยังตามหาตัวเองไม่เจอ ทำสิ่งใดก็ยังไม่ชอบ ไม่ถูกใจ จนไปถึงการถูกดิสรัปจากอุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำให้ถูกลอยแพแบบไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจ

บ้านญี่ปุ่น
บ้านในประเทศญี่ปุ่น // ภาพโดย Gnsin~commonswiki

เริ่มให้เงินค่าเช่าบ้านแก่พ่อแม่ผู้เป็นเจ้าของบ้าน 

การแบ่งเบาภาระทางการเงิน ทั้งสำหรับมื้ออาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ตลอดจนค่าดูแลบ้านต่างๆ เอาเข้าจริง คนที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็มีทั้งที่อยู่ฟรีกินฟรีและมีทั้งที่ช่วยแบ่งเบาภาระ ทางออกนี้จะทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในครอบครัวดีขึ้น หากพ่อแม่อยู่ในวัยเกษียณและหารายได้ไม่ได้แล้ว ซึ่งก็รวมทั้งพ่อแม่ที่ไม่ได้มีเงินหลังเกษียณไว้เก็บกิน 

ในส่วนนี้ถ้าเรามองว่าหากเราต้องทำงานและถ้าไม่อยู่อาศัยบ้านพ่อแม่ อย่างไรเสียเราก็ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอยู่ดี ก็ควรจ่ายเงินส่วนนี้ให้พ่อแม่ ความย้อนแย้งของเรื่องนี้ที่ทำให้เป็นปมปัญหาก็คือ หลายคนไม่ย้ายออกไปจากบ้านพ่อแม่ ก็เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ รายได้ไม่พอใช้ เพราะถ้าเรามีเงินในจำนวนมากพอ การที่เราจะอาศัยนอกบ้านพ่อแม่ไม่ว่าจะที่ใดก็ไม่ใช่ปัญหา

กรณีที่เรามีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านไม่มากพอที่จะให้พ่อแม่ทุกเดือนหรือหาเช่าบ้านอยู่เอง เราก็อาจแบ่งเบาด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นเงินค่ารักษาพยาบาล เงินค่าดูแลสุขภาพ ค่าใช้จ่ายในบ้านก็หาทางแบ่งเบาบ้าง เรียกได้ว่า ให้น้อย แต่ให้นะ ดีกว่ารับอย่างเดียว ไม่ให้เลย 

ตกงาน ว่างงานคือปัญหา: หาทางออกด้วยการขุดความสามารถตัวเองให้เจอ

หลายคนตกงาน ว่างงาน จึงตกอยู่ในสถานะที่ต้องอาศัยและพึ่งพาพ่อแม่เป็นหลัก เมื่อเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้น ไม่มีใครยอมให้ตัวเองจมดิ่งกับสภาวะปัญหานานๆ เพราะมันเป็นทุกข์ สิ่งที่เราต้องทำก็คือการงัดความสามารถร้อยแปดที่เคยมีออกมาใช้ให้หมด และถ้าไม่มี ก็เติมศักยภาพให้ตัวเองซะ 

ทุกวันนี้ความต้องการขององค์กรมีหลากหลายมากขึ้น ไม่มีใครอยากให้คนทำงานหมกตัวอยู่กับความสามารถด้านเดียวเว้นเสียแต่ว่าเราจะเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งจนโดดเด่น ความสามารถมีเท่าไรก็ต้องงัดออกมาใช้ให้ได้ทุกด้าน ใช้ศักยภาพให้คุ้ม 

ถ้ารู้ว่าตัวเองยังมีความสามารถไม่มากพอ ก็ควรเร่งพัฒนาตัวเอง เรียนรู้ที่จะฉีกความสามารถเดิม หลุดจากกรอบเดิมๆ ออกมาให้ได้ 

งานที่ทำอยู่ปัจจุบันอาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทางรอดที่ช่วยเราได้ก็คือ การมีรายได้หลายทาง การมีความสามารถหลายอย่าง การมีเงินออมเหลือพอยามที่ต้องตกงานกระทันหันหรือเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางชีวิตจากเราเองหรือจากคนรอบข้างใกล้ชิด เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญแต่เปลี่ยนสถานะจากปรสิตให้ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะปรสิตได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา