ปัจจุบันธนาคารทั่วโลกมีแนวโน้มจะลดจำนวนสาขาลงอย่างต่อเนื่องจากความนิยมของการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายธนาคารต้องกลับมาทบทวนรูปแบบการดำเนินธุรกิจกันใหม่
สำหรับภาพรวมของธนาคารพาณิชย์ในไทยมีการทยอยปิดสาขามาเรื่อยๆ ตลอดทั้งปีที่แล้ว จาก Mobile Banking ที่ทำให้การทำธุรกรรมไม่จำเป็นต้องไปถึงธนาคาร อีกทั้งการระบาดของโควิดก็มีส่วนให้ความต้องไปการไปธนาคารลดลงเพราะกังวลถึงความเสี่ยงของการแพร่ระบาด
ธนาคารทั่วโลกทยอยปิดสาขา ธุรกรรมออนไลน์มาแทนที่
ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พบว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจำนวนสาขาธนาคารในประมาณ 100 ประเทศลดลงกว่า 56,000 สาขา หรือคิดเป็น 14%
- MUFG เครือธนาคารชั้นนำญี่ปุ่น เตรียมลดสาขาเหลือครึ่งหนึ่ง ส่วนตู้ ATM จะแชร์กับรายอื่น
- เครือธนาคาร Lloyds จากสหราชอาณาจักร ประกาศปิดสาขาอีก 100 แห่ง เซ่นลูกค้าหันไปใช้ Online Banking
อย่างเช่นในญี่ปุ่นได้ปรับมาเป็นรูปแบบการทำธุรกรรมออนไลน์หรือ virtual banking มากขึ้นจากผลสำรวจของ Daiwa Institute of Research แสดงให้เห็นแผนปิดสาขาอีกประมาณ 1,000 แห่งในอีกหลายปีต่อจากนี้ไป
ธนาคาร U.S. Bancorp ของสหรัฐก็ได้ลดจำนวนสาขาลงจากประมาณ 2,800 สาขา เหลือ 2,400 สาขาเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากลูกค้าได้เปลี่ยนไปทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ผู้เล่นรายใหญ่อย่างธนาคาร Wells Fargo ที่เมื่อปลายปี 2020 มีสาขาทั้งสิ้น 5,032 แห่ง โดยลดลงมาประมาณ 300 สาขาจากปีก่อนหน้า ในขณะที่การให้บริการผ่านมือถือมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านคน
ในขณะเดียวกันยอดการดาวน์โหลดแอพธุรกรรมทางการเงินทั่วโลกแตะ 1.2 พันล้านครั้งภายในสิ้นเดือนมิถุนายนตามข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดแอพมือถือ Sensor Tower
สรุป
ในยุคที่มีทางเลือกการทำธุรกรรมที่สะดวกและประหยัดเวลากว่าการเดินทางไปธนาคาร ประกอบกับสถานการณ์ในช่วงนี้ทำให้คนเลือกออกจากบ้านน้อยลง การทำธุรกรรมในรูปแบบออนไลน์จึงยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นและเป็นรูปแบบที่จะมาแทนที่สาขาธนาคารซึ่งทยอยปิดตัวลง
ที่มา: Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา