GET! บริการเรียกรถน้องใหม่ ที่ได้แรงหนุนจาก GO-JEK สตาร์ทอัพจากอินโดฯ พร้อมแข่ง Grab!

ช่วงก่อนหน้านี้มีเสียงบ่นถึง Grab จากกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับระบบการให้บริการ การชำระเงิน หรือการเรียกบริการแล้วไม่มีรถมารับ และทำให้หลายคนคิดถึง UBER ที่เพิ่งถอยทัพออกไปจากอาเซียน แล้วก็เกิดคำถามว่า Grab จะผูกขาดตลาดนี้อย่างนั้นหรือ?

คำตอบคือ Grab จะไม่ได้ผูกขาดตลาดนี้เพราะ GET! จะเข้ามาเป็นคู่แข่งขันรายใหม่ในตลาด และคนไทยจะได้เห็นบริการจาก GET ภายในครึ่งปีหลังนี้

ก่อนหน้านี้ Brand Inside ได้นำเสนอข่าวของ GET เตรียมเปิดให้บริการในประเทศไทยในปีนี้ แต่ก่อนจะรู้จัก GET ก็ต้องย้อนไปรู้จักกับ GO-JEK (โก-เจ็ก) สตาร์ทอัพยูนิคอร์น (มีมูลค่าบริษัทเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์) จากอินโดนีเซียกันก่อน คลิกอ่านได้ที่นี่

สำหรับ GO-JEK เป็นแอพพลิเคชั่นให้บริการแบบออนดีมานด์ที่หลากหลายมากในอินโดนีเซีย ทั้งเรียกรถมอเตอร์ไซค์,​ รถยนต์,​ ส่งของ, ซื้อของ และรวมถึง การจ่ายเงิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะทุกเรื่องต้องมีการจ่ายเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และหลังจากได้รับเงินทุนจาก Google และ Tencent ครั้งนี้ GO-JEK จึงก้าวออกนอกอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายคือ ไทย,​เวียดนาม,​ฟิลิปปินส์​ และ สิงคโปร์ กับเม็ดเงินเริ่มต้น 16,000 ล้านบาท

ที่ประเทศไทย GO-JEK มาสนับสนุนการรุกตลาดโดยร่วมมือกับ GET ซึ่งใช้ผู้บริหารเป็นคนไทย เพราะเชื่อว่า คนไทยจะเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดีกว่า ประกอบด้วย

  • เริ่มจาก ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ (Chief Executive Officer) ของ GET ที่เป็นอดีตผู้บริหารของไลน์แมน และยังเป็นผู้คิดค้น และร่วมก่อตั้งไลน์แมนขึ้นมาตั้งแต่เริ่มจนขยายบริการมากมายและประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ แถมยังเคยมีประสบการณ์ทำงานบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำทั้งในประเทศไทยและฮ่องกง

  • ก่อลาภ สุวัชรังกูร อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งและซีเอ็มโอ (Chief Marketing Officer) ของ GET ที่จับมือกันมา เพราะก่อลาภเคยเป็นผู้บริหารฝ่ายมาร์เก็ตติ้งของไลน์แมน และยังเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของไลน์ประเทศไทย และไลน์เมียนมาร์มาก่อน พร้อมด้วยประสบการณ์มากมายในเอเจนซี่โฆษณาแถวหน้าของเมืองไทยและสหรัฐอเมริกา

  • อดิศร กาญจนวรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งและรับหน้าที่ซีโอโอ (Chief Operating Officer) ของ GET และน่าจะเป็นกำลังสำคัญแน่นอน เพราะเคยเป็นรองประธานฝ่ายปฏิบัติการของลาล่ามูฟประเทศไทย (Vice President of Operations) ซึ่งอดิศรเป็นหนึ่งในทีมก่อตั้งมาตั้งแต่ต้นและดูแลคนขับทั้งหมดหลายหมื่นชีวิตของลาล่ามูฟในไทย พร้อมด้วยประวัติการเป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมก่อตั้งแกร็บแท็กซี่ในเมืองไทยมาอีกต่างหาก

3 ผู้บริหารผ่านงานทั้ง LINE Man และ Lalamove ทำให้มีประสบการณ์ในบริการเรียกรถ และการขยายธุรกิจให้บริการแบบออนดีมานด์ในอนาคตได้ โดย CEO ของ GET บอกว่า “เราในฐานะคนไทย เข้าใจในมุมมองของผู้บริโภคเป็นอย่างดี และด้วยประสบการณ์ทำงานในธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาหลายปี ทำให้มองเห็นโอกาสในการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค คนขับรถสาธารณะ รวมถึงธุรกิจรายย่อย และด้วยเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกและคำแนะนำจาก GO-JEK ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาและขยายธุรกิจในไทยได้อย่างรวดเร็วและเข้มแข็ง และก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์และตรงใจของคนไทยได้อย่างแน่นอน”

GET จะเริ่มต้นอย่างไร จะแข่งขันกับ Grab ได้อย่างสนุกสนานแค่ไหน จะสามารถเดินตามรอยความสำเร็จของ GO-JEK ที่ทำไว้ได้ดีในอินโดนีเซียได้หรือเปล่า เพราะ GO-JEK เองเป็นบริษัทอินโดฯ ที่เริ่มจากศูนย์ แต่สามารถเติบโตได้ถึง 900 เท่า ภายในระยะเวลา 18 เดือนหลังจากเปิดให้บริการทางแอพพลิเคชั่นในเดือนมกราคม 2558 และด้วยกลยุทธ์ Localization หรือการเข้าใจและเข้าถึงคนในประเทศ GO-JEK จึงประสบความสำเร็จในประเทศตนเองและสามารถรั้งตำแหน่งอันดับ 1 ได้แม้จะมีคู่แข่งเป็นบริษัทระดับโลกอย่าง UBER และ Grab

ขณะที่ในประเทศไทย Grab เข้ามาทำตลาดก่อน อาจจะมีความได้เปรียบอยู่บ้าง แต่งานนี้ถ้าอัดโปรโมชั่นกันหนักๆ สร้างแบรนด์กันแรงๆ ก็ไม่น่าเป็นเรื่องยากที่ GET จะเข้ามาแข่งขัน แม้ยังไม่ประกาศวันเปิดให้บริการ แต่หลายคนน่าจะรอให้ GET เปิดตัวเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนไทย และคาดว่าจะได้เจอกันไม่เกินปีนี้แน่นอน!

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา