Ford ในสหรัฐฯ ปรับกลยุทธ์การขาย ให้ลูกค้าสั่งซื้อรถยนต์ออนไลน์ ลดการขายที่หน้าโชว์รูม

Ford ในสหรัฐฯ ประกาศปรับวิธีขายรถ ให้ลูกค้าสั่งทำรถออนไลน์แล้วรอรับหลังโรงงานผลิตเสร็จ แทนการเดินเข้าไปซื้อรถที่โชว์รูม เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดเก็บสินค้า พร้อมลดการผลิตโมเดลที่ความนิยมต่ำ

การสั่งรถรูปแบบใหม่

ผู้บริหารของ Ford ประกาศว่าจะเริ่มปรับวิธีที่ลูกค้าซื้อรถของ Ford เป็นการสั่งทำตามคำสั่งซื้อ (made-to-order) แล้วรอรับรถจากโรงงานแทนที่จะให้ Ford ผลิตรถเป็นล็อตๆ แล้วส่งไปให้โชว์รูมขายเหมือนปกติ ซึ่งแปลว่าจะเพิ่มยอดขายในส่วนของรถที่ผลิตจากโรงงานให้มากขึ้น และลดสัดส่วนรถสำเร็จรูปที่ขายในโชว์รูมลง

ประโยชน์ที่ได้คือการลดต้นทุนการเก็บสินค้าในคลังสำหรับทั้ง Ford และเจ้าของโชว์รูมต่างๆ อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าได้สั่งรถที่ตัวเองต้องการได้ตามใจมากขึ้น รวมถึงจะผลิตรถรุ่นที่ความนิยมต่ำให้น้อยลงอีกด้วย ซึ่งทำให้ลดการค่าใช้จ่ายด้านโปรโมชั่นหรือการขายล้างสต็อค

อุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา

โดยปกติแล้ว บริษัทผลิตรถในอเมริกาจะใช้ระบบขายรถผ่านโชว์รูมอย่างเดียวตามกฎหมายของสหรัฐ ซึ่งบริษัทจะขายรถให้โชว์รูมทันทีที่ผลิตเสร็จ และโชว์รูมจะต้องนำรถที่มีอยู่ไปขายให้ลูกค้าโดยสั่งดัดแปลงไม่ได้ ต้องขายเท่าที่มีอยู่เท่านั้น ทำให้โชว์รูมมักจะต้องกู้เงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อทำให้มีสินค้าในสต็อคตลอดเวลา

ผู้บริโภคในอเมริกาจึงเคยชินกับการที่สามารถเดินเข้าไปซื้อรถในโชว์รูม แล้วขับกลับบ้านได้เลยในวันนั้น ต่างกับในยุโรปที่ใช้ระบบสั่งทำแล้ว ในอีกด้านหนึ่ง ไทยเองก็ใช้ระบบที่คล้ายกันกับสหรัฐ เพียงแต่มักจะต้องรอรถประกอบจากโรงงานก่อนแล้วถึงจะออกรถได้ 

ผลกระทบของโควิด-19

ด้วยสถานการณ์ขาดแคลนชิปซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังผลิตรถทั่วโลก ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายก็เริ่มหันมารับออเดอร์ออนไลน์แทนการขายรถผ่านโชว์รูมอย่างเดียวแล้ว อีกทั้ง การที่บริษัทผลิตรถยนต์ล็อตใหม่ไม่ได้ ผู้บริโภคในอเมริกาก็ต้องยอมสั่งทำและรอรถมาส่ง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว

การปรับตัวช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมาก็ทำให้บางแบรนด์ในไทยเริ่มรับการสั่งซื้อออนไลน์พร้อมส่งถึงบ้านเช่นกัน อย่าง Great Wall Motors ที่ให้ลูกค้าจองรถออนไลน์ พร้อมจ่ายค่ามัดจำ โดยมีตัวเลือกให้บริษัทส่งมอบรถถึงหน้าบ้านได้ โดยไม่ต้องไปรับรถที่โชว์รูม

ในอีกด้านหนึ่ง ประโยชน์ของการสั่งรถออนไลน์ก็เห็นได้ชัดมากขึ้นช่วงล็อกดาวน์ ทั้งบริษัทรถและโชว์รูมหลายรายมีกำไรมากขึ้นเพราะมีค่าใช้จ่ายด้านคลังน้อยลง พร้อมลูกค้าบางส่วนก็ยอมจ่ายแพงมากขึ้นจากการที่รถยนต์ขาดตลาดอีกด้วย

ด้าน Ford เองก็จะสามารถปรับโรงงานให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้ โดยเน้นผลิตแต่รุ่นที่มีความนิยมสูง ทำให้ต้องผลิตชิ้นส่วนน้อยลง พร้อมลดค่าใช้จ่ายในการคงสภาพเครื่องจักรต่างๆ ได้มากขึ้น

Photo by Caleb White on Unsplash

ความกังวลใจจากเจ้าของโชว์รูม

ด้วยความที่กฎหมายสหรัฐบังคับให้บริษัทรถยนต์ต้องขายรถผ่านโชว์รูมเท่านั้น Ford จะยังส่งรถให้ลูกค้าผ่านโชว์รูมอยู่ อีกทั้ง Ford เองก็พึ่งพาโชว์รูมต่างๆ ในด้านของการให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า เช่น การซ่อมบำรุง รวมถึงการอธิบายเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ลูกค้าอีกด้วย

ทว่า ฝั่งโชว์รูมเองก็กังวลว่าลูกค้าบางส่วนอาจจะไม่ชอบวิธีการสั่งแบบใหม่ที่ต้องรอรถเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะเมื่อผู้แข่งขันรายอื่นอย่าง Chrysler หรือ GM ยังไม่ได้ประกาศว่าจะทำเหมือนกัน หากโชว์รูมของยี่ห้ออื่นมีสินค้า แต่ของ Ford ไม่มีรถสต็อคไว้ โชว์รูมจึงเกรงว่าจะต้องเสียลูกค้าไปแน่นอน

ในอีกด้านหนึ่ง Volkswagen AG ผู้ผลิตรถสัญชาติเยอรมันก็เริ่มให้บริการการสั่งทำรถบนเว็บไซต์ในสหรัฐแล้ว โดยกล่าวว่าเป็นวิธีที่ใช้ต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าการ “จอดรถทิ้งไว้เฉยๆ” อย่างสิ้นเชิง

สรุป

เมื่อต้องหาวิธีลดค่าใช้จ่าย บริษัทรถยนต์อย่าง Ford ก็ต้องหันไปเปลี่ยนวิธีการขายรถแทน น่าจับตามองว่าผู้บริโภคในสหรัฐจะยอมรับวิธีใหม่หรือไม่

ที่มา – WSJ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา