จับตาการคลังสหรัฐยุคไบเดน ผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ สวนทางทรัมป์

Joe Biden Holds Official Presidential Campaign Kickoff Rally In Philadelphia
PHILADELPHIA, PA – MAY 18: Former U.S. Vice President and Democratic presidential candidate Joe Biden speaks during a campaign kickoff rally, May 18, 2019 in Philadelphia, Pennsylvania. Since Biden announced his candidacy in late April, he has taken the top spot in all polls of the sprawling Democratic primary field. Biden’s rally on Saturday was his first large-scale campaign rally after doing smaller events in Iowa and New Hampshire in the past few weeks. (Photo by Drew Angerer/Getty Images)

การเปิดตัวเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและนโยบายระหว่างประเทศของ โจ ไบเดน สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อยหลังจากที่หน้าตาของคณะทำงานสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางที่ไบเดนเลือกใช้ในการเมืองโลกอย่างชัดเจน อย่างเช่นการแต่งตั้งจอห์น เคอร์รี่ นั่งตำแหน่งพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศ เป็นสัญญาณที่ชี้ชัดว่ารัฐบาลไบเดนจริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม

ในอีกฟากหนึ่ง การเปิดตัวจาเน็ท เยลเลน  นั่ง รมว. คลัง เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ไบเดน จะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐฯ

เยลเลนผ่อนปรนต่อการขาดดุลงบประมาณ

เมื่อพิจาณาจากวิสัยทัศน์ของเยลเลนแล้ว ชัดเจนว่าเธอมีแนวทางที่ผ่อนปรนให้สามารถใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตรงข้ามนโยบายการคลังในยุคทรัมป์ที่ไม่ต้องการให้รัฐใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนเกินควร 

เธอเคยออกมาแสดงความเห็นว่า ภาครัฐควรเพิ่มการใช้จ่ายในมาตรการณ์เพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 นอกจากนี้ เธอยังเคยให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า “การระบาดของโควิดกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างร้ายแรง การก่อหนี้เพิ่มของภาครัฐเพื่อใช้จ่ายในการพยุงและพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากวิกฤติโควิดเป็นสิ่งที่เข้าใจได้”

เมื่อพิจารณาจากวิสัยทัศน์ของเธอ หากเธอผ่านการรับรองให้นั่งเก้าอี้ รมว. คลัง รัฐบาลอเมริกาที่นำโดย โจ ไบเดน จะสามารถอัดฉีดงบประมาณเพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่าที่เป็นอยู่

ธนาคารกลางเอาด้วยกับเยลเลน

ล่าสุด เกิดความขัดแย้งระหว่างสองหน่วยงานหัวหอกของนโยบายด้านเศรษฐกิจคือกระทรวงการคลังและธนาคารกลาง

เนื่องจาก สตีเวน มนูชิน รมว. คลัง คนปัจจุบัน ประกาศว่าโครงการปล่อยสินเชื่อเพื่อกู้ยืมในสภาวะวิกฤติของธนาคารกลางที่จัดตั้งภายใต้พระราชบัญญัติการดูแลจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม ในขณะที่ทางธนาคารกลางไม่เห็นด้วยกับกระทรวงการคลังเพราะต้องการพยุงเศรษฐกิจที่เปราะบาง  

หากเยเลนสามารถเข้ามาเป็นหัวหอกในนโยบายการคลังได้ จะส่งผลให้ทิศทางของนโยบายการคลังสอดประสานกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐมากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเคยร่วมงานกับเยลเลนมาก่อนในธนาคารกลางในขณะที่เยลเลนยังดำรงตำแหน่งประธานคนก่อนจึงเพิ่มโอกาสที่จะสร้างความราบรื่นในการคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจโดยทั้งสองหน่วยงาน

เยเลนต้องได้รับการรับรองจากซีเนท  

อย่างไรก็ดี การแต่งตั้งตำแหน่งระดับรัฐมนตรีจำเป็นต้องผ่านการรับรองของสภาซีเนทเสียก่อน ซึ่งเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาฝั่งรีพับบลิกันซึ่งกังวลเป็นพิเศษกับการขาดดุลงบประมาณตั้งคำถามกับแนวทางที่เน้นการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของเยลเลนได้

ทั้งนี้ อาจรวมถึงวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตสายเสรีนิยมที่ไม่นิยมแนวทางการใช้จ่ายเกินดุลอีกด้วย

ที่มา – WSJ, Reuters, Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

บาส รชต สนิท - นักข่าว นักเขียน ที่ Brand Inside | สนใจด้าน Future of Work, สิทธิคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, การเมืองโลก, ปัญหาทุนนิยม และ สิทธิมนุษยชน