สู้ศึกอีคอมเมิร์ซ DHL จับมือซีเอ็ดบุ๊ค เปิดจุดบริการรับส่งพัสดุ แค่ 15 วินาทีก็เสร็จ

โลจิสติกส์ คือปัจจัยสำคัญของการแข่งขันในสนามอีคอมเมิร์ซ ล่าสุด DHL eCommerce จับมือกับซีเอ็ดบุ๊คเชนร้านหนังสือรายใหญ่เพื่อกระจายจุดให้บริการรับส่งพัสดุ กลยุทธ์คือเน้นความไว สะดวก และเข้าถึงง่าย

ท่ามกลางสมรภูมิอีคอมเมิร์ซอันดุเดือด DHL eCommerce หนึ่งในบริการโลจิสติกส์ที่มีชื่อแบรนด์อันแข็งแกร่ง เปิดกลยุทธ์ปี 2018 ด้วยการจับมือกับพันธมิตรร้านหนังสือรายใหญ่ของไทย

ล่าสุด DHL จับมือกับซีเอ็ดบุ๊ค เชนร้านหนังสือรายใหญ่ เพื่อขยายจุดบริการรับส่งพัสดุ (Service Point) ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เตรียมพร้อมสำหรับสู้ศึกอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย

จุดบริการรับส่งพัสดุคืออะไร?

จุดบริการรับส่งพัสดุ หรือ DHL Service Point คือจุดให้บริการรับส่งพัสดุที่จะไปตั้งอยู่ในร้านค้าต่างๆ โดยแบรนด์ที่เริ่มต้นเป็นพันธมิตรรายแรกคือ ซีเอ็ดบุ๊ค หมายความว่าต่อไป ต่อไปเดินเข้าร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค จะพบกับจุดให้บริการรับส่งพัสดุของ DHL eCommerce

  • DHL บอกว่า การจับมือครั้งนี้ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการออนไลน์ ใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้นในการรับส่งของที่จุดบริการ เพราะทุกขั้นตอนลงทะเบียนล่วงหน้าบนออนไลน์มาก่อนแล้ว
จุดบริการรับส่งพัสดุ DHL Service Point ในร้านซีเอ็ดบุ๊ค
จุดบริการรับส่งพัสดุ DHL Service Point ในร้านซีเอ็ดบุ๊ค

ขยายจุดบริการ คือหนึ่งในกลยุทธ์หลักเพื่อสู้ศึกอีคอมเมิร์ซ

เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกว่า “ความร่วมมือกับซีเอ็ดบุ๊คครั้งนี้ต้องการขยายจุดบริการออกไปให้ครอบคลุมมากที่สุด เป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ประกอบการออนไลน์ ส่วนที่เลือกซีเอ็ดบุ๊ค เป็นเพราะเชื่อมั่นในการทำงานที่มีคุณภาพ และเป็นร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้าที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ ตอบโจทย์ของ DHL ทุกอย่าง”

แผนในการขยายจุดบริการรับส่งพัสดุของ DHL มีดังนี้

  • ปัจจุบันมี DHL Service Point ให้บริการ 350 แห่งทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่กับร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย
  • ล่าสุด เมื่อจับมือกับซีเอ็ดบุ๊ค จะทำให้ DHL มีจุดบริการเพิ่มขึ้นเป็น 500 จุดทั่วประเทศ
  • แผนของปี 2018 คือ DHL จะจับมือกับพันธมิตรรายอื่นๆ และร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ เพื่อขยายจุดให้บริการเป็น 1,000 จุดทั่วประเทศตามแผนที่เคยได้วางไว้

ในด้านการต่อสู้กับโลจิสติกส์รายอื่นในตลาด DHL มองว่าการจับมือกับเชนร้านหนังสือเบอร์ 1 ของไทย เป็นการเสริมความครอบคลุมของการให้บริการ เพราะซีเอ็ดบุ๊คมีสาขาทั่วประเทศกว่า 394 แห่ง และอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทำให้ผู้บริโภคสะดวกและเข้าถึงบริการได้ง่าย

ส่วนรายได้ DHL ตั้งเป้าว่าการจับมือเป็นพันธมิตรจะเพิ่มการเติบโตให้กับแบรนด์อีก 30% ในช่วง 1-2 ปีนี้ หลังจากที่มีรายได้เติบโตในปี 2017 มาประมาณ 3-4 เท่า

ซ้าย-ทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ขวา-เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซ้าย-ทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ขวา-เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ส่วนซีเอ็ดบุ๊ค ย้ำว่า การจับมือกับ DHL คือการปรับตัวสู่ดิจิทัล

ทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า “วันนี้ซีเอ็ดบุ๊คปรับตัวในยุคดิจิทัล เราทำเว็บไซต์ ทำแอพพลิเคชั่น ล่าสุดมาจับมือกับ DHL เพื่อเป็นพื้นที่ให้บริการรับส่งของ เราเชื่อมั่นว่าการจับมือกับเบอร์ 1 ด้านโลจิสติกส์ จะทำให้มีศักยภาพในการแข่งขันในโลกยุคดิจิทัล และแม้ว่าการจับมือครั้งนี้ อาจจะยังไม่ได้เห็นการเติบโตในเชิงรายได้ แต่ต้องยอมรับว่า เราจำเป็นต้องปรับเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต”

การจ่ายเงินปลายทาง ยังรับได้แค่เงินสดเท่านั้น

Brand Inside สอบถามทาง DHL สำหรับการจ่ายเงินค่ารับส่งพัสดุว่ารองรับการเงินรูปแบบใดบ้าง พบว่า ในขณะนี้ยังคงใช้ได้เพียงแค่ “เงินสด” เท่านั้น

ผู้บริหารของ DHL บอกว่า “เราทราบถึงเรื่องนี้ ดังนั้นในปี 2018 นี้ เราจะทำบริการใหม่ให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต-เดบิต และรวมถึงจะทำ e-wallet ที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซอย่างแน่นอน แต่ในระหว่างนี้ ยังคงต้องจ่ายด้วยเงินสดกันก่อน”

สรุป

ในห้วงเวลาที่ตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีมูลค่ากว่า 1.4 แสนล้านบาท กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด กลยุทธ์ของ DHL คือการจับมือกับร้านหนังสือรายใหญ่ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยตั้งใจว่าในปีนี้จะขยายจุดบริการรับส่งพัสดุให้ถึง 1,000 สาขา

เอาเข้าจริงแล้ว วงการโลจิสติกส์ในศึกอีคอมเมิร์ซน่าจะต้องวัดกันด้วยความสะดวก-เข้าถึงง่ายเป็นขั้นแรก เพราะนอกเหนือจากนั้น ผู้บริโภคจะเป็นคนตัดสินเองจากคุณภาพ ราคา และความรวดเร็วของผู้ให้บริการแต่ละราย

รายละเอียดการรับส่งพัสดุของ DHL ที่จุดบริการ
รายละเอียดการรับส่งพัสดุของ DHL ที่จุดบริการ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา