8 ใน 10 ของนักเรียนจีนยุคนี้ จบนอก แต่ไม่อยู่ต่อ ขอกลับมาหางานทำที่ “จีน” ดีกว่า

Chinese Students

ไม่ว่าจะในสหรัฐอเมริกา หรือในสหราชอาณาจักร “นักเรียนจีน” คือกลุ่มนักเรียนต่างประเทศที่มีจำนวนมากที่สุดในแต่ละประเทศเสมอ เพราะนอกจากจำนวนประชากรจีนที่สูงติดอันดับโลกแล้ว เรื่องการศึกษายังคงเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ครอบครัวจีนพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง

ถ้าดูจากตัวเลขสถิติของนักเรียนจีนที่ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เรียกได้ว่า มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

  • นับตั้งแต่ปี 2001 ที่มีประมาณ 5 แสนคน
  • เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีจำนวนราว 3 ล้านคนในปี 2010
  • และล่าสุดปี 2017 มีจำนวนมากกว่า 6 ล้านแล้ว

จบนอก แต่กลับมาทำงานที่ “บ้านเกิด” คือเทรนด์ใหม่ที่มาแรง

กระแสใหม่ที่มาแรงในหมู่นักเรียนจีนในช่วงหลายปีมานี้ คือเมื่อจบการศึกษา ก็บินกลับมาทำงานที่บ้านเกิด

ในปี 2001 มีนักเรียนจีนเดินทางกลับบ้านเกิดเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น คำนวณง่ายๆ ถ้าในปีนั้นมีนักเรียนจีนที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศประมาณ 5 แสนคน จะมีเพียงไม่เกิน 5 หมื่นคนเท่านั้นที่เดินทางกลับจีน

แต่ตัดภาพมาที่ปี 2017 ที่มีนักเรียนจีนไปศึกษาต่างประเทศประมาณ 6 ล้านคนเศษ กลับพบว่า นักเรียนจีนเดินทางกลับบ้านมาทำงานสูงเกือบ 5 ล้านคน หรือคิดเป็นตัวเลขคือ ในปัจจุบันจำนวน 8 ใน 10 ของนักเรียนจีนที่จบนอก เลือกเดินทางกลับบ้านเกิดนั่นเอง

ไม่ใช่แค่วงการการศึกษา วงการไอทีก็เช่นกัน

จีนในทุกวันนี้แตกต่างจากอดีตไปมาก หลายๆ พื้นที่ของจีนในเขตเมือง เจริญรุ่งเรืองไม่แพ้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะในด้านของการเริ่มต้นธุรกิจแบบสตาร์ทอัพที่จีนมี ecosystem ที่พร้อมและครบครัน

ในวงการไอที ก็คล้ายๆ กันกับวงการการศึกษา เพราะในช่วงหลังมานี้คนไอทีจีนก็กลับบ้านเกิดไปทำธุรกิจมากขึ้น ไม่อยู่ใน Silicon Valley อีกต่อไป อย่างในปี 2017 ตัวเลขคนไอทีจีนกลับบ้านเพิ่มสูงขึ้นกว่า 5 ปีก่อนหน้านั้นถึง 58% คิดเป็นตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 432,500 คน ถือเป็นจำนวนที่สูงมาก

ถึงขนาดที่ คนไอทีจีนคนหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ถึงการกลับบ้านเกิดไปทำธุรกิจไว้ว่า “ทำงานใน Silicon Valley ก็เป็นแค่ฟันเฟืองในระบบ ไม่มีวันได้เห็นภาพใหญ่ สู้กลับมาจีน แล้วทำธุรกิจเอง ต่อให้ต้องตายเพราะมลพิษ หรือมีชีวิตสั้นลงอีกสัก 10 ปี ก็ยังดีกว่า” 

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า ทุกวันนี้ 1 ใน 3 ของยูนิคอร์นสตาร์ทอัพในโลกอยู่ที่จีน ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา จนหลายคนมองว่า “จีน” จะเป็นภัยคุกคามต่อ Silicon Valley ในอนาคตอันใกล้ และถ้าเทรนด์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ศูนย์กลางของแหล่งเทคโนโลยีอาจเป็นจีนที่ขึ้นมาแทนที่ Silicon Valley ก็เป็นได้

อ้างอิงข้อมูล – Quartz

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา