ผู้ประกอบการส่งออกยิ้มได้อีกครั้งเมื่อค่าเงินบาทของไทยกลับมาอ่อนค่าในรอบ 4 เดือน โดยสาเหตุหลักๆ มาจากเรื่องของความกังวลจากนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้
ค่าเงินบาทของไทยกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง โดยล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ 30.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว อ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากที่ในช่วงปลายเดือนธันวาคมต่อเนื่องไปในช่วงปีใหม่ของไทย เงินบาทได้แข็งค่าอย่างรวดเร็วจนทำให้ภาคการส่งออกเกิดความกังวล รวมไปถึงรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยต้องตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมา เพื่อออกมาตรการต่างๆ ไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าไปมากเกินไป
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยมอง ส่งออกปีนี้โตสูงสุดแค่ 1% บาทแข็งคือเรื่องกังวล
- มุมมองผู้ว่าแบงก์ชาติเกี่ยวกับค่าเงินบาทแข็งค่า แนะให้ผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยง
- สู้บาทแข็ง! ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับเกณฑ์ให้เงินทุนไหลออกได้ง่ายมากกว่าเดิม
ในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าเกือบๆ 9% แต่ล่าสุดกลับกลายเป็นว่าตอนนี้นั้นค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าที่สุดไปแล้วในอาเซียน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า สาเหตุที่ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่า เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้จากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งรายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 30% จากรายได้นักท่องเที่ยวทั้งหมด ส่งผลทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนหายไปทันที นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากเรื่องการประมูลกิจการของ Tesco Lotus ในประเทศไทยและมาเลเซียที่อาจเป็นตัวเร่งทำให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่ากว่าเดิม เพราะเม็ดเงินส่วนหนึ่งจะต้องไหลออกไป
ขณะที่มุมมอง กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.40-30.80 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.54 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้มีมุมมองว่า ความเชื่อมโยงทางด้านสินค้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา