ภาษีดิจิทัล vs. ภาษีไวน์
เก็บตกจากการประชุม G7 ที่ประเทศฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หนึ่งในประเด็นร้อนแรงซึ่งนำโดยเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสเตรียมออกกฎหมายเก็บภาษีดิจิทัล
โดยเนื้อหากฎหมายภาษีดิจิทัลตัวนี้คือ บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติที่มีรายได้ทั่วโลกอย่างน้อย 750 ล้านยูโร และมีรายได้จากการให้บริการดิจิทัลในฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโฆษณา แพลตฟอร์ม หรืออีคอมเมิร์ซ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 25 ล้านยูโร จะต้องเสียภาษีจากรายได้ดิจิทัลเหล่านั้นให้กับฝรั่งเศสเป็นจำนวน 3%
แน่นอนว่า บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาอย่าง Apple, Facebook, Amazon และ Google จะถูกเรียกเก็บภาษีดิจิทัลในฝรั่งเศส
ด้านของโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีดิจิทัลดังกล่าวของฝรั่งเศส เขาเคยทวีตเอาไว้ว่า “ถ้าบริษัทไอทียักษ์ใหญ่จะถูกเรียกเก็บภาษีดิจิทัลจากประเทศใดประเทศหนึ่ง มันก็สมควรเป็นประเทศแม่ของบริษัทเหล่านั้น” และนอกจากนั้นยังบอกด้วยว่า “สหรัฐอเมริกาจะตอบโต้ความโง่เง่าของผู้นำฝรั่งเศส … และอย่างที่เคยพูดมาตลอดว่า ไวน์อเมริกาดีกว่าไวน์ฝรั่งเศส”
France just put a digital tax on our great American technology companies. If anybody taxes them, it should be their home Country, the USA. We will announce a substantial reciprocal action on Macron’s foolishness shortly. I’ve always said American wine is better than French wine!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) July 26, 2019
ล่าสุด หลังการประชุม G7 ผู้สื่อข่าวนำประเด็นการจะเรียกเก็บภาษีไวน์จากฝรั่งเศสที่ทรัมป์ทวีตมาถามต่อ
ทรัมป์ ตอบว่า “ถ้าถามว่าสหรัฐอเมริกาจะเรียกเก็บภาษีไวน์จากฝรั่งเศสเท่าไหร่ ก็ให้รอดูว่าฝรั่งเศสจะเรียกเก็บภาษีดิจิทัลเท่าไหร่กันแน่”
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุม ทรัมป์ได้พูดชัดเจนว่าเขาไม่เห็นด้วยการกฎหมายการเรียกเก็บภาษีดิจิทัลของฝรั่งเศส เขามองไม่มีความยุติธรรม แต่ถ้าฝรั่งเศสคิดที่จะทำ เขาก็เรียกเก็บภาษีไวน์จากฝรั่งเศสให้แพงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- นี่คือวิธีการต่อรองแบบทรัมป์สไตล์ ชวนอ่านบทความนี้ > ถอดรหัสวิธีคิด Donald Trump ต่อรองธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
ที่มา – Politico
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา