โฉมหน้ารัฐบาลโจโควีสมัย 2 ดึงคู่แข่งนั่งกลาโหม ดึง CEO Gojek นั่งศึกษา

โจโควีทวีตข้อความว่า “ทำงานร่วมกัน เพื่อทำให้อินโดนีเซียเจริญก้าวหน้าต่อไป”

โจโควีสมัย 2 มามาดใหม่ สร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์อย่างน้อย 2 เด้ง เด้งแรกคือดึงคู่แข่งอย่าง ปราโบโว สุเบียนโต (Prabowo Subianto) นั่งเก้าอี้กระทรวงกลาโหมซึ่งเคยแพ้เลือกตั้งมาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยสมัยแรกของโจโควี เขาก็ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ร้องให้มีการนับคะแนนใหม่เสียด้วยเพราะคะแนนสูสีกันมาก

ปราโบโวเป็นทั้งอดีตนายพลและอดีตลูกเขยอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตที่ขึ้นชื่อเรื่องความเผด็จการ ปกครองประเทศยาวนานที่สุดเป็นเวลากว่า 32 ปี (แต่งงานกับลูกสาวของซูฮาร์โตในปี 1983 หย่ากันในปี 1998 ช่วงเกิดวิกฤติทางการเมืองในอินโดฯ) พ่อของปราโบโวเคยเป็นทั้งรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้า เป็นรัฐมนตรีคลังสมัยซูการ์โนประธานาธิบดีคนแรกของอินโดฯ จากนั้นก็เป็นรัฐมนตรีด้านการวิจัยในสมัยซูฮาร์โต

Prabowo Subianto – From Prabowo’s online team ภาพจาก Wikipedia

บิ๊กเซอร์ไพรส์เด้งแรก ดึงคู่แข่งมานั่งกลาโหม ปราโบโว ผู้มีเรื่องฉาวโฉ่ด้านละเมิดสิทธิมนุษยชน 

ปราโบโวเองก็เดินสายทหารมาตลอด จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกของอินโดนีเซีย จากนั้นก็เดินสายอาชีพทหารโดยเริ่มจากผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของอินโดฯ Kopassus มาก่อน 

The New York Times พูดถึงปราโบโวว่า เขาเคยสั่งให้ลักพาตัวนักศึกษาที่เป็นนักเคลื่อนไหวมาก่อน เคยละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนักในช่วงติมอร์ตะวันออกเรียกร้องเอกราช ทั้งลักพาตัวและลอบสังหารซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงนี้ก็ผ่านการฝึกพิเศษจากหน่วย Kopassus เอง พรรคเกรินทรา (Gerindra) ได้ที่นั่งไป 78 ที่นั่ง กลายเป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการด้านเอเชีย จาก Eurasia Group เคยกล่าวไว้ก่อนจะประกาศผลการจัดตั้งรัฐบาลว่า ปราโบโวน่าจะได้ร่วมรัฐบาล เพราะทั้งโจโควีและปราโบโวต่างได้ประโยชน์จากการร่วมมือกัน ทั้งสองฝ่าย พรรคเกรินทราเองก็ต้องการอำนาจเพื่อท้าชิงการขึ้นเป็นผู้นำสำหรับสมัยหน้า

ทางองค์การนิรโทษกรรมสากลก็ระบุว่า การประกาศตั้งให้ปราโบโวเป็นรัฐมนตรีกลาโหมเช่นนี้ ถือเป็นวันแห่งความมืดมน (หรือยุคมืดของอินโดนีเซียเลยทีเดียว) เพราะปราโบโวขึ้นชื่อในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน 

ท่ามกลางการขึ้นมาเป็นเจ้ากระทรวงกลาโหมของปราโบโว สร้างความแตกตื่นและคับข้องใจให้กับผู้คนจำนวนมากเพราะจุดยืนและภูมิหลังของปราโบโวค่อนข้างมีปัญหาในแง่การใช้อำนาจของฝ่ายความมั่นคง เขาให้สัมภาษณ์สื่อว่า

เขาจะเรียนรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยเริ่มงาน 

Andre Soelistyo (ซ้าย) Kevin Aluwi (กลาง) Nadiem Makarim (ขวา) ภาพจาก Gojek

บิ๊กเซอร์ไพรส์เด้งที่ 2 ดึงผู้ก่อตั้งและอดีต CEO แห่ง Gojek แพลตฟอร์มที่ให้บริการแบบออนดีมานด์อันดับ 1 ของอินโดนีเซีย นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีศึกษาและวัฒนธรรม

นาเดียม มาคาริม (Nadiem Makarim) รัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในคณะรัฐบาล อายุ 35 ปี ก่อตั้งโกเจ็กเมื่อปี 2010 และเพิ่งขยายกิจการไปยังต่างประเทศเมื่อปีที่ผ่านมานี่เอง (Gojek บุกตลาดไทยด้วย GET)

ก่อนลงจากตำแหน่งเขาก็เขียนอีเมล์ลาบรรดาพนักงาน Gojek เขาพูดถึงบริษัทที่เริ่มต้นจากศูนย์ (ตอนนี้กลายเป็นสตาร์ทอัพระดับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดอันดับที่ 11 ของโลกไปแล้ว จากทั้งหมด 52 องค์กร) บริษัทเริ่มต้นจากความปรารถนาที่จะพัฒนาชีวิตทุกคนให้ดีขึ้น และเขาก็ส่งไม้ต่อให้ผู้ร่วมก่อตั้ง 2 คนที่เหลือ ปลายปีนี้ Gojek เตรียมระดมทุนอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ 

นาเดียมให้สัมภาษณ์สื่อหลังพิธีสาบานตนว่า เขาจะใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาการศึกษาในอินโดนีเซีย โรงเรียนกว่า 300,000 แห่ง นักเรียนกว่า 50 ล้านคนนี้ เขาจะนำเทคโนโลยีเข้าไปพัฒนาระบบการบริหารด้านการศึกษาให้มีคุณภาพมากขึ้น 

 

นี่คือการแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับทุกประเทศ ไม่ใช่แค่เฉพาะอินโดนีเซียเท่านั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจึงออกจาก Gojek ผมรักลูก รักครอบครัว ผมคิดว่านี่คืออนาคตของประเทศอินโดนีเซีย อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับเยาวชนของเรา

Nadiem Makarim By ANTARA FOTO/Wahyu Putro A – ภาพจาก Wikipedia

การจัดตั้งรัฐบาลสมัยที่ 2 นี้ CEO จาก Alvara Strategic Research ก็มองตรงกับ Eurasia Group ว่า โจโควีต้องการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง แต่แน่นอนว่าจะทำให้หลายฝ่ายมองว่าโจโควีอาจไม่มีคนค้านที่แข็งแกร่งมากพอ เนื่องจากเป็นรัฐบาลผสมที่อาจกลายเป็นอำนาจนิยมกลายๆ เพราะรวบฝ่ายค้านมาเป็นพวกเสียแล้ว

โจโควีทวีตข้อความ ว่า “คณะรัฐมนตรีชุดนี้มีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ทุกคนจะทำงานร่วมกันเพื่อทำให้อินโดนีเซียก้าวหน้าต่อไป ข้อความหลักที่เขาย้ำอยู่หลายข้อความคือ จะไม่คอรัปชั่น และจงทำงานกันอย่างมีความสุข”

ภาพบรรยากาศขณะคณะรัฐมนตรีเข้าสาบานตน สิ่งที่โจโควีกล่าวไว้ ประการแรก ปิดประตูการคอรัปชั่น เขาจะสร้างระบบที่ทำให้ไม่เกิดการคอรัปชั่น ประการที่สอง จะไม่มีวิสัยทัศน์หรือภารกิจมาจากรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นวิสัยทัศน์และภารกิจที่มาจากประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี

ประการที่สาม พวกเราทั้งหมดจะทำงานอย่างรวดเร็ว ทำงานอย่างหนักและทำงานให้มีประสิทธิภาพ ประการที่สี่ เราจะไม่ทำให้งานประจำมีปัญหา ประการที่ห้า เรื่องงานต้องมาก่อน

โจโควีกล่าวหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องคือการคอรัปชั่น อีกห้าปีอินโดนีเซียจะมุ่งพัฒนาทรัพยากรบุคคล สร้างงานให้ประชาชน และเพิ่มอำนาจให้แก่บริษัท วิสาหกิจทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น รัฐบาลจะมุ่งทำงานอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ

โจโควีบอกว่า เขาจะไม่ให้คำสัญญาใดๆ ในอีก 100 วันข้างหน้า เพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะสานต่องานที่ทำค้างไว้จากรัฐบาลชุดที่แล้วให้สำเร็จ (สานต่องานตัวเองต่อไป)

สรุป

รัฐบาลโจโควีประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี 38 ราย มาจากพรรคการเมือง 6 พรรค มีที่นั่งในรัฐสภาครองเสียงส่วนมากในอัตรา 74% หรือ 427 ที่นั่ง จากทั้งหมด 575 ที่นั่ง ความน่ากังวลใจที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและผู้คนที่เฝ้ามองอินโดนีเซียอยู่ คือการขึ้นมาของปราโบโว เจ้ากระทรวงกลาโหม ที่เคยมีข่าวฉาวเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน

ปัจจุบัน รัฐบาลชุดที่สองของโจโควีกำลังประสบปัญหาทางการเมืองภายในอย่างหนัก ก่อนเปิดตัวรัฐบาลชุดใหม่ มีคนประท้วงทั้งเรื่องออกกฏหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน และความขัดแย้งของชาวปาปัว แต่ดันให้ปราโบโวขึ้นดูแลความมั่นคง ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าถ้าเกิดเหตุความขัดแย้งภายในประเทศขึ้นมา ปราโบโวที่ผู้คนต่างจับตามองจะจัดการความวุ่นวายนี้อย่างไร 

ที่มา – Nikkei Asian Review, Gojek, The New York Times, The Guardian, The Straits Times 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
สนใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การทูต การเมือง ประชาธิปไตย เสรีภาพ ความยุติธรรมและความเท่าเทียม ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบสืบค้นข้อมูล ชอบทำคอนเทนต์