[วิเคราะห์] Amazon Credit Builder บัตรเครดิตใหม่จากเว็บอเมซอน ประวัติไม่ดี-ไร้เครดิตก็กู้เงินช้อปปิ้งได้

ก่อนหน้านี้ Apple เปิดตัวบัตรเครดิตเอาใจชาวอเมริกันที่ชอบใช้บัตรช้อปปิ้งทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ล่าสุด Amazon ก็เปิดตัวบัตรเครดิตบ้างที่สำคัญเอามาขยายกลุ่มลูกค้าประวัติการเงินไม่ดี หรือไม่มีเครดิตมาก่อน Amazon ทำได้อย่างไร?

Amazon Credit Builder บัตรเครดิตใหม่ ขยายลูกค้า Underbanked

Amazon เว็บไซด์ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ของโลกล่าสุดจับมือกับธนาคาร Synchrony Financial เปิดตัว บัตรเครดิต Amazon Credit Builder มาเจาะกลุ่มลูกค้า Underbanked คือกลุ่มที่มีประวัติการเงินไม่ดี (เลยขอสินเชื่อไม่ได้) หรือไม่มีประวัติการเงินมาก่อนให้สามารถกู้เงิน หรือใช้บัตรนี้รูดซื้อสินค้ากับ Amazon ได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้บัตรเครดิต Amazon Credit Builder จะมีเงื่อนไขและสิทธิพิเศษคล้ายบัตรเครดิต  Amazon Store Card เช่น ส่วนลด 5% เมื่อซื้อสินค้าในร้าน Amazon สิทธิพิเศษไม่คิดดอกเบี้ยเมื่อจ่ายชำระเงินคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด (อาทิ 6, 12,24 เดือน)

อย่างไรก็ตามบัตร Amazon Credit Builder ถือเป็น secured credit card คือผู้ใช้งานต้องนำเงินฝากไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อเป็นหลักประกัน ฝากเงินไว้เท่าไรก็สามารถกู้และใช้วงเงินได้ตามที่มีอยู่ในบัญชี โดยบัตรเครดิตแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกเพราะในไทยก็มีให้บริการเช่นกัน

ทำไม Amazon ต้องออกบัตรเครดิตเจาะลูกค้า Underbanked ตลาดนี้ใหญ่แค่ไหน?

ที่ผ่านมา Amazon มีบัตรเครดิตที่เปิดร่วมกับธนาคาร Synchrony Financial อยู่แล้วคือ Amazon Store Card ซึ่งจะมีลูกค้าบางกลุ่มที่เงื่อนไขไม่ผ่าน ธนาคารไม่สามารถอนุมัติบัตรให้ได้เช่น กลุ่มลูกค้าที่ประวัติการเงินไม่ดี หรือไม่มี Credit มาก่อน ดังนั้นเมื่อ Amazon เปิดตัวโปรแกรม Amazon Credit Builder เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้านี้มากขึ้น และเพื่อสร้าง Royalty Program กับลูกค้าทุกกลุ่มโดยใช้คอนเซ็ปต์ว่า “คนที่มีประวัติการเงินไม่ดี สามารถสร้างเครดิตใหม่ให้ตัวเองได้”

ข้อมูลจากผลสำรวจ FICO ปี 2018 ระบุว่า ประชากรสหรัฐกว่า 11% คะแนนเครดิตต่ำกว่า 550 คะแนน และมีถึง 4% ที่ระบุชัดเจนว่าเป็นคนที่ประวัติทางการเงินไม่ดี (คะแนนอยู่ที่ 300-499 คะแนน)

ขณะเดียวกันลูกค้ากลุ่ม Underbanked ในสหรัฐมีไม่น้อย เพราะผลการสำรวจ FICO ปี 2017 พบว่า ครัวเรือนของสหรัฐกว่า 25% เป็นกลุ่ม Underbanked คือที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน หากเทียบกับประชากรสหรัฐปัจจุบันกว่า 300 ล้านคน แสดงว่าสหรัฐมีคนกลุ่ม Underbanked อย่างน้อย 75 ล้านคน ถือเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตามการให้สินเชื่อกับลูกค้าที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ดอกเบี้ยก็สูงขึ้นไปด้วย โดยบัตรเครดิตใหม่ของ Amazon ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 28.24%

สรุป

โลกดิจิทัลแบบนี้ความเร็วในการทำธุรกิจกลายเป็นเรื่องสำคัญ ถ้า Amazon เป็นเจ้าแรกที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Underbanked ได้นอกจากจะขยายฐานลูกค้า ยังสร้าง Royalty ในแบรนด์ และพัฒนาลูกค้ากลุ่มนี้ให้เข้าถึงสินเชื่อแบบอื่นๆ ได้มากขึ้น ต้องรอดูว่ากลยุทธ์เจาะลูกค้า Segment นี้จะเวิร์คหรือไม่?

ที่มา Amazon1 Amazon2CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา