ปัจจุบัน “กาแฟ” เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของแต่ละคนไทยมากขึ้น สังเกตจากร้านกาแฟใหม่ๆ จำนวนมาก และนั่นก็ทำให้กลุ่มที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟอย่างจริงจังเติบโตจนเป็นที่มาของตลาด Specialty Coffee ขึ้น
ความพิเศษที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้การดื่มกาแฟในประเทศไทยอาจไม่ใช่วัฒนธรรม หรือกิจวัตรประจำวันนัก ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เพราะอ้างอิงจากผลสำรวจหนึ่งพบว่าคนไทยดื่มกาแฟเพียง 0.5 แก้ว/คน/ปี ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศแถบสแกนดิเนเวียนที่ดื่มกาแฟกัน 5-6 แก้วต่อปี
ดังนั้นเมื่อยังดื่มไม่เยอะ โอกาสการเติบโตของตลาดกาแฟในประเทศไทยจึงมีอยู่มาก และตอนนี้ก็เริ่มมี Specialty Coffee หรือกาแฟพิเศษที่เริ่มเติบโตอย่างเห็นได้ชัด เพราะจาก 10 กว่าปีก่อนที่แทบไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันตัวมูลค่าของ Specialty Coffee นั้นอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท หรือ 10% ของตลาดกาแฟคั่วบด
อภิชา แย้มเกษร รองนายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย เล่าให้ฟังว่า ตลาดกาแฟไทยสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทคือตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปมูลค่า 30,000 ล้านบาท และตลาดกาแฟคั่วบด 20,000 ล้านบาท ซึ่งตัว Specialty Coffee นั้นอยู่ในตลาดหลัง และความแตกต่างของมันคือการผลิตที่พิถีพิถันจนได้รสสัมผัสที่พิเศษตามชื่อ
ต่างชาติจับตาตลาดกาแฟพิเศษไทย
“ในอดีตกาแฟไทยแทบจะไม่อยู่ในสายตาชาวต่างชาติ เพราะเขาคุ้นเคยกับกาแฟจากเอธิโอเปีย, กัวเตมาลา และโคลอมเบียมากกว่า แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว Specialty Coffee ของไทยเริ่มไปเตะตาชาวต่างชาติ และกลายเป็นกาแฟดาวรุ่งที่ใครๆ ก็อยากทำความรู้จัก”
สำหรับ Specialty Coffee คือการคัดเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้ามาคัดสรรเพื่อได้เมล็ดที่มีคุณภาพก่อนนำไปผ่านกระบวนการแปรรูป และคั่วอย่างมีหลักการ ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายก็คือกาแฟที่มีรสชาติเฉพาะตัว และให้รสสัมผัสที่แตกต่างจากกาแฟปกติ ส่วนราคาขายก็สูงขึ้นเท่าตัวจากอาราบิก้าปกติที่อยู่ 150-190 บาท/กก.
“เกษตรกรเริ่มเข้าใจเรื่องนี้ และหันมาทำ Specialty Coffee มากกว่าเดิมเพราะมันได้เงินเยอะกว่า แต่ผมก็อยากบอกว่าไปทุ่มกับ Specialty Coffee อย่างเดียวคงไม่ได้ อยากให้ทำแค่ 10% ของผลผลิตก่อน เพราะถ้าขายไม่ได้มันก็ไม่กระทบรายได้รวม และถ้าสำเร็จก็ค่อยๆ เพิ่มไปน่าจะดีกว่า”
จัดงานกระตุ้นการรับรู้กาแฟพิเศษ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการรับรู้ และสื่อสารเรื่อง Specialty Coffee ทางสมาคมจึงร่วมมือกับบริษัท คลาวนด์
แอนด์กราวน์ จำกัด เพื่อจัดงาน Thailand Coffee Fest 2019 ที่อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 14-17 มี.ค. 2562 โดยภายในงานจะมีผู้ร่วมงานกว่า 200 บูท และจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันแล้ว
“ต่างชาติเห็นการเติบโตของตลาดกาแฟไทยก็อยากมาเปิดร้าน แต่ก็ต้องพับกระเป๋ากลับไปเยอะ เพราะวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของคนไทยต่างจากชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการชอบดื่มกาแฟเย็น และชอบดื่มกาแฟตอนเที่ยง ดังนั้นคนที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟก็ต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ด้วย ซึ่งในงานมันก็มีรายละเอียดอยู่บ้าง”
ขณะเดียวกัน “อภิชา” แย้มว่า เร็วๆ นี้น่าจะมีร้านกาแฟชั้นนำของโลกอย่าง Blue Bottle เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย โดยยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจที่เป็นเฟรนไชส์ หรือทางแบรนด์เข้ามาเปิดเอง แต่จากข่าวนี้ก็แสดงให้เห็นถึงตลาดกาแฟไทยนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับในอดีต
สรุป
Specialty Coffee กลายเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งใน และต่างประเทศ ดังนั้นการหันมารุกตลาดนี้ก็มีโอกาสธุรกิจอยู่มากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมการดื่มของคนไทยส่วนใหญ่ด้วย ยิ่งการดื่มกาแฟไม่ใช่สิ่งที่คนไทยทำเป็นประจำ การจะทำให้พวกเขาเข้าถึงแก่นแท้ของการดื่มกาแฟนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา