สภาหอการค้าไทยคาดส่งออกของไทยปีนี้จะโตได้เพียงแค่ 3-5% เท่านั้น โดยปัจจัยสำคัญคือค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนมกราคมที่ผ่านมายังติดลบอีกด้วย
บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เชิญภาคเอกชนของไทยเข้าร่วมหารือเรื่องการส่งออกของไทย โดยภาคเอกชนได้ประเมินว่าปีนี้สถานการณ์ส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้า การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ฯลฯ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้การส่งออกระหว่างประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก
- จับตาเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี แตะ 31.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
- ผู้ว่าธปท.ย้ำเงินบาทแข็งค่ากลางๆ แต่ผู้ประกอบธุรกิจต้องบริหารความเสี่ยงค่าเงินด้วย
นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกของไทยยังน่าเป็นห่วง ข้อมูลจาก SCB EIC ล่าสุด เดือนมกราคมที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกไทยหดตัวที่ -5.7%YOY หดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ -1.7%YOY โดยหากหักทองคำ พบว่ามูลค่าส่งออกหดตัวลดลงที่ -4.9%YOY โดยตลาดหลักที่หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดคือประเทศจีน ยุโรป
สำหรับสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกหดตัวโดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศจีน เช่น หมวดแผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งคาดว่าสินค้าเหล่านี้บางส่วนอยู่ในห่วงโซ่อุปทานที่จีนส่งออกต่อไปยังสหรัฐอเมริกาและได้ผลกระทบจากเรื่องสงครามการค้าที่เจรจายังไม่จบ
ขณะเดียวกันกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเตรียมที่จะกระตุ้นการส่งออกสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่จีน อินเดีย แอฟริกา ยังรวมไปถึงจะมีการกระตุ้นการส่งออกรายกลุ่มสินค้า คาดจะช่วยผลักดันให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศตั้งเป้าในการส่งออกของไทยปีนี้ที่ 8% ตามเดิม
อย่างไรก็ดีมุมมองของ SCB EIC คาดว่าภาคการส่งออกของไทยจะเติบโตเพียงแค่ 3.4% เท่านั้น สอดคล้องกับสภาหอการค้าไทยคาดว่า การส่งออกของไทยจะเติบโตเพียงแค่ 3% ถึง 5% เท่านั้น เนื่องจากไทยกำลังประสบปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชีย โดยสภาหอการค้าอยากที่จะให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าไม่เกิน 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา – SCB EIC, หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา