หลังจากที่ Grab ได้เข้าซื้อกิจการของ Uber ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ Go-Jek สตาร์ทอัพเรียกรถจากอินโดนีเซียรายใหญ่ ประกาศขยายกิจการไปทั่วภูมิภาคนี้เพื่อเข้ามาแข่งขันด้วย เพราะไม่ต้องการให้ Grab ครอบครองตลาดแต่เพียงผู้เดียว
- แต่ล่าสุดผู้บริหาร Grab บอกว่า ยังไม่เห็นถึงผลกระทบใดๆ ในทางธุรกิจ
ในงานแถลงข่าวของ Grab ล่าสุด Russell Cohen ประธานฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาค พูดถึงการที่ Go-Jek เริ่มขยายธุรกิจไปในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า “เราไม่เห็นผลกระทบกับจำนวนเที่ยวรถของเรา และธุรกิจของเราก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ผู้บริหาร Grab ยังบอกด้วยว่า “อันที่จริงมันยังเป็นช่วงเริ่มแรกของตลาด แต่เราก็มุ่งมั่นที่จะให้บริการที่มีคุณภาพและปลอดภัยกับลูกค้ามาเสมอ แน่นอนว่าในตลาดนี้มีคู่แข่งจำนวนมาก แต่เราก็จะปฏิบัติกับลูกค้าของเราเหมือนเดิม”
Grab ให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่ปี 2012 ที่ให้บริการในภูมิภาคนี้ มีจำนวนเที่ยวรถทั้งหมด 2.5 พันล้านเที่ยว นอกจากนั้นได้ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการรายเล็กๆ รวมถึงคนขับรถในแต่ละท้องถิ่นทั่วภูมิภาคกว่า 8.5 ล้านราย
Go-Jek ได้รับเงินทุน พร้อมลุยต่อในภูมิภาคนี้
ไม่แปลกที่ Grab จะบอกว่าการขยายธุรกิจของ Go-Jek ยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อธุรกิจ เพราะว่าในปี 2018 ยังถือเป็นการชิมลางของ Go-Jek ในตลาดนอกประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น
ในปี 2018 Go-Jek เริ่มต้นด้วยการขยายธุรกิจและให้บริการใน 3 ประเทศคือ ไทย สิงคโปร์ และเวียดนาม
ส่วนในปีหน้า 2019 Go-Jek วางแผนไว้ว่าจะขยายบริการไปในมาเลเซีย เมียนมาร์ และกัมพูชา แถมล่าสุดแหล่งข่าวของ Deal Street Asia รายงานว่า Go-Jek ได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีกกว่า 2 พันล้านดอลลาร์จากบริษัทรายใหญ่อย่าง Google, Tencent, JD.com และ Meituan-Dianping
- นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งศักยภาพของ Go-Jek ที่จะขยายบริการเพื่อสู้กับ Grab ได้อีกมาก
สำหรับประเทศไทย ล่าสุด Go-Jek เข้ามาให้บริการในชื่อ GET และล่าสุดได้ให้บริการแล้วในบางพื้นที่
- บทความอ่านเพิ่มเติม รู้จักบริการของ Go-Jek สตาร์ทอัพจากอินโดนีเซีย ที่พร้อมท้าชน Grab
ที่มา – Dealstreetasia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา