หรือนี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งที่เงียบเหงาที่สุด ถึงขนาดลุงตู่ยังนึกว่าอิตาลีก็ลงแข่ง!

อีกไม่กี่วัน (14 มิ.ย.) มหกรรมกีฬาฟุตบอลโลก หรือ 2018 FIFA World Cup ก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่เท่าที่ดูกระแสในไทยตอนนี้ก็ค่อนข้างเงียบกว่าครั้งก่อนๆ มาก อาจเพราะอิตาลี กับฮอลแลนด์ไม่ได้ไปบอลโลกใช่หรือไม่?

ฟุตบอลโลก 2018 สุดเงียบเหงา

จุดกระแสไม่ติดเพราะความไม่ชัดเจน

ปกติแล้วช่วงเวลามหกรรมกีฬาฟุตบอลโลกก็คือหนึ่งในช่วงที่คนไทยจะคึกคักกันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมสนุกภายใต้แคมเปญต่างๆ ที่แบรนด์สินค้าประกาศออกมา รวมถึงการส่งทายผลผู้ชนะเพื่อชิงโชคจากสื่อสิ่งพิมพ์หัวสี แต่หากสังเกตช่วงปีนี้ดูจะรู้ว่ามันไม่ได้คึกคักเหมือนในอดีตแม้แต่น้อย

ถึงขนาด “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังบอกว่าเชียร์ทีมชาติฝรั่งเศส, บราซิล และอิตาลี ซึ่งจริงๆ แล้ว “อิตาลี” นั้นไม่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกที่กำลังจะเตะขึ้นที่ประเทศรัสเซีย และเพื่อเสริมเป็นข้อมูล ยักษ์ใหญ่ที่โลดแล่นในฟุตบอลโลกมานานทั้ง “เนเธอร์แลนด์” และ “สหรัฐอเมริกา” ก็ไม่ได้เข้ารอบเช่นกัน

ถ้าให้เท้าความก็คงต้องไล่ตั้งแต่ช่วงกลุ่มทรูฯ ประกาศได้สิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้ในประเทศไทยเมื่อเดือนเม.ย. ผ่านการร่วมมือกับ 9 พันธมิตรทางธุรกิจอย่างกลุ่มบีทีเอส, กลุ่มไทยเบฟเวอร์เรจ, กลุ่มซีพี, กลุ่มคาราบาว และธนาคารกสิกรไทยเป็นต้น โดยใช้เงินลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาทเพื่อจ่ายลิขสิทธิ์

เวลาถ่ายทอดที่สุดจะเหมาะสมก็ไม่ช่วยอะไร

แต่ด้วยความไม่ชัดเจนทั้งเรื่องผังการถ่ายทอดสดที่เพิ่งออกเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ไหนจะความไม่ชัดเจนเรื่องข้อกำหนดของสปอนเซอร์แต่ละรายว่าจะทำตลาดอย่างไรได้บ้าง นอกจากจะมีส่วนร่วมระหว่างเกมถ่ายทอดสด ก็ทำให้กระแสฟุตบอลโลกในประเทศไทยครั้งนี้เงียบกว่าครั้งที่ผ่านมาจริงๆ

ขณะเดียวกันด้วยเวลาถ่ายทอดสดในประเทศไทยของฟุตบอลโลกครั้งนี้จะอยู่ระหว่าง 16.00 น. ถึง 01.30 น. ของวันรุ่งขึ้น ก็ยิ่งเหมาะสมต่อการทำตลาดของแบรนด์ต่างๆ เป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับครั้งอื่นที่ส่วนใหญ่จะเตะกันดึกมากจนมีแต่คนที่ชื่นชอบฟุตบอล หรือคนที่ลุ้นติดปลายนวมเฝ้ารอรับชม

ภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจ สายงานการวางแผนและกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในประเทศไทยจะกระเตื้องขึ้นในช่วงฟุตบอลโลก เพราะสุดท้ายแล้วเงินลงทุนก็จมอยู่กับแค่ 9 พันธมิตรที่ลงขันกันซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาถ่ายทอดสดเท่านั้น

ตัวเลขเม็ดเงินสะพัดในช่วงฟุตบอลโลกของปี 2010, 2014 และ 2018

กลุ่ม Official Partner ทำตลาดเอง ไม่แคร์การแข่งขัน

“ตอนต้นปีเราคาดหวังกับฟุตบอลโลกเอาไว้มาก แต่พอการซื้อลิขสิทธิ์มันออกมาเป็นแบบนี้ก็ยาก เพราะช่องที่ไม่ได้ถ่ายก็ไม่ได้อยากทำตลาด ตัวแบรนด์เองก็ลงโฆษณาในนั้นไม่ได้ ซึ่งมันต่างกับครั้งก่อน เช่นตอน RS ได้สิทธิ์ ทางนั้นเขาก็คิดแพ็คเกจออกมาเลยว่าจะขายแบบไหนบ้าง ทำให้แบรนด์ไหนๆ ก็เข้าถึงมหกรรมกีฬานี้ได้”

ในทางกลับกันกลุ่ม Official Partner และ Sponsor ที่มีสินค้าทำตลาดในประเทศไทยเช่น Coca-Cola, Hyundai, Adidas, McDonalds และ Vivo ก็ต่างทำตลาดด้วยตัวเอง เพราะไม่สามารถลงโฆษณาในช่วงเวลาแข่งขันได้อยู่แล้ว ทำให้โอกาสที่กลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินโฆษณาก็หายไปในทันที

แบรนด์ที่เป็น Official Partner ของ FIFA World Cup 2018

ส่วนพวกใบปิดตารางการแข่งขัน รวมถึงหนังสือข้อมูลต่างๆ ที่ปกติแล้วจะหาซื้อได้ตามแผงหนังสือ และร้านสะดวกซื้อทั่วไปก็แทบไม่เห็น จึงไม่แปลกที่เมื่อนำปัจจัยลบทั้งหมดนี้มารวมกันก็ทำให้คนบางกลุ่มไม่รู้ว่ามหกรรมฟุตบอลโลกกำลังจะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้แล้ว

สรุป

เมื่อ 4 ปีก่อนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็คืนความสุขให้กับประเทศไทยด้วยการให้ช่อง 5 มีส่วนร่วมในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก มาคราวนี้ “คสช.” ก็ยังคงคืนความสุขด้วยฟุตบอลโลกให้กับคนไทยเช่นเดิม แต่ครั้งนี้มันต่างกับครั้งก่อนมาก

เพราะช่องทีวีดิจิทัลอื่นๆ ก็ไม่ได้ช่วยกันกระตุ้นกระแส ปล่อยให้ช่องที่มีลิขสิทธิ์ทำตลาดไปแบบเบาๆ นอกจากนี้ความกั๊ก และไม่ชัดเจนของการบริหารลิขสิทธิ์ ก็สร้างผลเสียในแง่การตลาดให้กับมหกรรมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย จึงไม่แปลกที่ถ้าถามหลายๆ คนจะไม่รู้ว่าอีกไม่กี่วันฟุตบอลโลก 2018 ก็จะเริ่มขึ้นแล้ว

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา