เรียกว่าธุรกิจสถานีบริการน้ำมันในตอนนี้ไม่ยั่งยืนจริงๆ เพราะไหนจะเรื่องพลังงานกำลังหมดไป, ควบคุมราคาเองก็ไม่ได้ แถมกระแสรถยนต์ไฟฟ้าก็กำลังมา ดังนั้นคงไม่แปลกที่ผู้เล่นในตลาดนี้ต่างปรับตัว และ Non-Oil กลายเป็นเรื่องจริงจังของทุกคน
สูตรน้ำมันเป็นรอง ตัวดึงดูดคือบริการต่างๆ
ในอดีตการจะเลือกเติมน้ำมันจากปั๊มซักแห่ง เรื่องคุณภาพของน้ำมันต้องมาก่อน รองลงมาอาจเป็นเรื่องความสะดวกต่างๆ เช่นห้องน้ำ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่เริ่มมองเรื่องบริการภายในปั๊มน้ำมันมากขึ้น เพื่อไม่ให้การเข้าปั๊มเป็นเพียงจุดแวะเติมน้ำมัน ประกอบกับการสร้างรายได้ในฝั่งนี้ก็ทำกำไรได้ดีกว่าการขายน้ำมันที่กำไรเพียง 1% กว่าๆ เท่านั้น
พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG เล่าให้ฟังว่า Non-Oil เป็นเรื่องนี้บริษัทศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว เพราะมันเป็นอนาคตของธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน หลังจากพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยน รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
“หลังจากนี้จะเป็นธุรกิจใหม่ๆ ด้าน Non-Oil ของ PTG ปีละ 2-3 ตัว โดยส่วนใหญ่เป็นการร่วมลงทุน แต่ธุรกิจใหม่เหล่านี้ต้องสนับสนุนธุรกิจสถานีน้้ำมันด้วย แต่ถ้าถามว่าตัวธุรกิจใหม่นั้นจะออกไปอยู่นอกสถานีน้ำมันหรือไม่ ต้องอยู่ที่สถานการณ์ อย่างที่เราลงทุนซื้อกิจการ Coffee World ก็เพื่อใช้ทำตลาดนอกปั๊มเป็นหลัก แต่เอา Know-how มาปรับใช้กับร้านกาแฟในปั๊ม”
Fast Fit ยังมีโอกาสเติบโตสูง
สำหรับธุรกิจ Non-Oil ภายในสถานีบริการนำมัน PT จะมีร้านมินิมาร์ท PT Maxx Mart ที่ปัจจุบันมี 62 สาขา และร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่ปัจจุบันมี 57 สาขา โดยทั้งสองเป็นธุรกิจที่บริษัทสร้างขึ้นมาเอง แต่ล่าสุดทางกลุ่มได้ตัดสินใจลงทุน 65 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น “สยาม ออโต้แบคส์” ผู้ให้บริการร้าน Fast Fit เพื่อบุกบริการ Fast Fit ภายในสถานีบริการเพิ่ม
โดยตัวร้าน Autobacs คือศูนย์บริการ Fast Fit หรือบริการซ่อมด่วน เช่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือเปลี่ยนยาง มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น ทำตลาดในประเทศไทยมา 10 ปีแล้ว มีทั้งหมด 8 สาขา ซึ่งหลังจากนี้จะมีสาขาภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ทั้งหมด 100 สาขาภายในปี 2565 ผ่านเงินลงทุนจากกลุ่ม PTG และการจริงจังในไทยของบริษัทแม่มากขึ้น
อีก 5 ปี กำไร 60% ต้องมาจาก Non-Oil
ทำให้ PTG ตั้งเป้าตัวผลกำไรของธุรกิจต้องมาจากกลุ่ม Non-Oil ถึง 60% ภายในปี 2565 จากปัจจุบันมาจากฝั่งธุรกิจขายน้ำมัน เพื่อทำให้บริษัทหนีจากความเสี่ยงในเรืองการควบคุมราคาน้ำมันไม่ได้ รวมถึงทิศทางของตลาดรถยนต์ที่เปลี่ยนไปเช่นกัน แต่จะทำอย่างนั้นได้ต้องขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันจากสิ้นปีนี้ 1,800 แห่ง เป็น 4,000 แห่งในอีก 5 ปีเช่นกัน
สรุป
การลงทุนในเรื่อง Non-Oil ของสถานีน้ำมัน PT และรายอื่นๆ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีในการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน เพราะถ้าให้ขายน้ำมันที่มีอัตรากำไรเพียงน้อยนิด แถมราคาขายก็ควบคุมเองไม่ได้ ดังนั้นดีกรีของธุรกิจ Non-Oil น่าจะมีมากกว่านี้แน่ๆ ไม่ใช่นั้นข่าวกลุ่มปตท. กับเซเว่นอีเลฟเว่นคงไม่ถูกพูดถึงขนาดนี้
ภาพจาก Facebook ของ PT Station, Autobacs
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา