โกโก้ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ กระทบบริษัทช็อกโกแลตอาจต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น

สหรัฐอเมริกาเจอปัญหาเรื่องการขาดแคลนโกโก้ ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 50 ปี จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว

ราคาของโกโก้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปีที่ผ่านมาจากสภาพอากาศสุดขั้วในแอฟริกาตะวันตกซึ่งเป็นแหล่งผลิตและส่งออกโกโก้ของโลก เริ่มจากการเกิดฝนตกจนเกิดโรคในพืชกระจายออกไปและเก็บเกี่ยวได้ช้าลง ต่อมาเจอความแห้งแล้งตามฤดูกาลอีกทำให้การเพาะปลูกยากขึ้น

การที่โกโก้ขาดแคลนอาจทำให้ผลประกอบการของบริษัทช็อกโกแลตและขนมหวานอื่นที่มีโกโก้เป็นส่วนประกอบได้รับผลกระทบไปด้วย อย่างแบรนด์ช็อกโกแลต Hershey ที่ผู้บริหารออกมาบอกว่า ต้นทุนของวัตถุดิบที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้รายได้เติบโตขึ้นอย่างจำกัดในปีนี้

สถานการณ์อาจแย่ลงอีกถ้าผู้ผลิตช็อกโกแลตไม่ได้รับซัพพลายโกโก้ที่สั่งซื้อไว้ล่วงหน้า เพราะแม้ว่าราคาโกโก้ที่สูงขึ้นจะทำให้ผู้เพาะปลูกขยายพื้นที่เพาะปลูกขึ้นอีกแต่ก็ต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีกว่าที่ออกเมล็ดโกโก้ให้เก็บเกี่ยวได้

Paul Davis ประธานสมาคมการค้าโกโก้ในยุโรป (European Cocoa Association) กล่าวว่า สถานการณ์อาจเป็นแบบนี้ต่อไปอีก 18 เดือนถึง 3 ปี รวมทั้งราคาของโกโก้อาจพุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ตันละ 6,000 เหรียญสหรัฐหรือกว่า 200,000 บาท

ในปัจจุบัน ราคาซื้อขายโกโก้ตามสัญญาการซื้อขายล่วงหน้ามีราคาอยู่ในระดับสูงสุดที่ 5,600 เหรียญต่อตันหรือราว 200,000 บาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับช่วงปี 1977 ที่ราคาพุ่งขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 5,379 เหรียญต่อตันหรือราว 190,000 บาท

ทั้งนี้ แม้ว่าราคาโกโก้จะเพิ่มสูงขึ้น แต่เกษตรกรผู้เพาะปลูกก็ยังได้ผลตอบแทนในระดับต่ำ หากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจะช่วยให้เกิดแรงจูงใจที่จะลงทุนกับการเพาะปลูกมากขึ้นทำให้มีโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวได้มากขึ้นตามไปด้วย 

นอกจาก ยังมีข้อกำหนดเรื่องการตัดไม้ที่ของสหภาพยุโรปที่เพิ่งออกมาไม่นานและจะปรับใช้ช่วงปลายปีนี้ที่จะทำให้ราคาโกโก้เพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นกลุ่มผู้บริโภคโกโก้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ตลาดต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

ที่มา – BNN Bloomberg

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา