เปิดนโยบายกระตุ้นการมีลูกของสิงคโปร์ ให้เงินอุดหนุนกว่า 250,000 ต่อเด็กหนึ่งคน เพิ่มวันลาขึ้น 2 เท่า

ท่ามกลางสังคมผู้สูงอายุที่กำลังคืบคลานเข้าสู่สังคมทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชีย หลังจากปัญหาโควิด-19 ต่อเนื่องมาถึงเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อ การจะมีลูกสักคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นภาระที่หนักอึ้งจนจำนวนเด็กที่เกิดใหม่มีน้อยมาก รัฐบาลแต่ละประเทศจึงไม่สามารถนิ่งนอนใจและต้องคิดนโยบายกระตุ้นให้คนมีลูกกันมากขึ้น

สิงคโปร์ก็เป็นอีกประเทศที่แม้จะเต็มไปด้วยความเจริญ แต่อัตราการเกิดก็ยังต่ำ ในปี 2022 อัตราการเจริญพันธ์ที่หมายถึงจำนวนบุตรโดยเฉลี่ยที่ผู้หญิงหนึ่งคนตลอดวัยเจริญพันธ์ได้ให้กำเนิด (Total Fertility Rate) อยู่ที่ 1.05 คนซึ่งนับว่าต่ำเป็นประวัติการณ์ ต่ำกว่าช่วงโควิด-19 ในปี 2020 ที่อยู่ที่ 1.1 คน เนื่องจากคนชะลอการแต่งงานและการมีลูก รวมทั้งมีลูกกันน้อยลงด้วย แล้วสิงคโปร์จะกระตุ้นให้คนมีลูกกันมากขึ้นอย่างไรบ้าง?

Baby Bonus Scheme แผนอุดหนุนเงินค่าเลี้ยงดูบุตรเกิดใหม่

สิงคโปร์ได้วางนโยบาย Baby Bonus Scheme ช่วยลดภาระในการเลี้ยงดูบุตรให้กับประชาชนผ่านทาง Baby Bonus Cash Gift ที่รัฐบาลจะให้เงินทั้งพ่อและแม่คนละ 8,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 204,000 บาท) เมื่อมีลูกคนแรกและคนที่ 2 และจะให้เงิน 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 255,000 บาท) เมื่อมีลูกคนที่ 3 เป็นต้นไป รัฐบาลจะจ่ายเป็นเงินสด 5 งวดในช่วง 18 เดือนหลังจากเด็กเกิด

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศงบประมาณสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรในปี 2023 โดยจะให้เงินเพิ่มกับเด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 31 ธันวาคม 2023 โดยเพิ่มเงินให้จากเดิม 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้พ่อแม่จะได้เงินจากลูกคนแรกและคนที่ 2 จำนวน 11,000 ดอลลาร์ (280,000 บาท) และได้รับเงินจากลูกคนที่ 3 เป็นต้นไป 13,000 ดอลลาร์ (331,500 บาท)

งวดในการจ่ายเงินจะเปลี่ยนไปด้วย สำหรับลูกคนแรกและคนที่ 2 จะได้รับเงิน 7,000 ดอลลาร์ในช่วง 18 เดือนแรก ส่วนลูกคนที่ 3 เป็นต้นไป จะได้รับเงิน 9,000 ดอลลาร์ในช่วง 18 เดือนแรก ส่วนเงินที่เหลือจะจ่ายทีละ 400 ดอลลาร์ทุก ๆ 6 เดือนไปจนกว่าเด็กจะมีอายุ 6 ขวบครึ่ง

เงินก้อนนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เด็กที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นพลเมืองสิงคโปร์และเกิดจากพ่อแม่ที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น 

นอกจากนี้ ยังมีเงินจาก Baby Support Grant เป็นเงินสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรมูลค่า 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 76,000 บาท) แบบให้ครั้งเดียวที่ริเริ่มขึ้นมาในช่วงโควิด-19 ในแผนงบประมาณปี 2023 รัฐบาลได้ขยายระยะเวลาจากเดิมที่ครอบคลุมถึงเด็กที่เกิดในช่วง 1 ตุลาคม 2020-30 กันยายน 2022 มาเป็นช่วง 1 ตุลาคม 2022-13 กุมภาพันธ์ของปีนี้

ภายในแผนการให้เงินเลี้ยงดูบุตรยังมี Child Development Account (CDA) บัญชีกองทุนสำหรับการศึกษาและบริการทางสุขภาพเด็ก ที่รัฐบาลจะมีส่วนในการให้เงินฝากแรกเริ่มหรือที่เรียกว่า First Step Grant ด้วยโดยให้ไม่ว่าจะเป็นบุตรคนที่เท่าไรก็ตาม ในงบประมาณปี 2023 รัฐบาลได้เพิ่มการอุดหนุนเงินส่วนนี้จาก 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์มาอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์หรือราว 127,500 บาท

เงินอุดหนุนจากกองทุนช่วยเหลือแม่ที่ทำงาน

กองทุนช่วยเหลือแม่ที่ทำงาน (Working Mother’s Child Relief หรือ WMCR) เป็นกองทุนที่ส่งเสริมให้ผู้หญิงยังคงรักษาอาชีพของตนเองไว้หลังจากมีบุตรแล้ว ในแผนงบประมาณปี 2023 WMCR ได้ให้เงินอุดหนุนเป็นจำนวนที่คงที่สำหรับเด็กที่เกิดหรือได้รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมหลังวันที่ 1 มกราคม 2024 จากเดิมที่ปกติจะให้เงินตามเปอร์เซ็นต์รายได้ของแม่

แม่จะได้รับเงินอุดหนุนจากการมีบุตรคนแรกจำนวน 8,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 204,000 บาท) ส่วนบุตรคนที่ 2 จะได้รับเงิน 10,000 ดอลลาร์ (ราว 255,000 บาท) และบุตรคนที่ 3 ขึ้นไปจะได้รับเงินอุดหนุน 12,000 ดอลลาร์ (ราว 306,000 บาท) 

นอกจาก Baby Bonus Scheme และเงินอุดหนุนจาก WMCR แล้ว ในปี 2023 นี้ รัฐบาลยังเพิ่มระยะเวลาสำหรับพ่อให้ลางานไปเลี้ยงดูบุตรได้มากขึ้น 2 เท่าจากเดิมที่ลางานได้ 2 สัปดาห์เป็น 4 สัปดาห์โดยยังได้รับค่าจ้างตามปกติ ส่วนการลางานไปเลี้ยงดูบุตรโดยไม่ได้รับค่าจ้างจะมีระยะเวลา 6-12 วันต่อปีสำหรับเลี้ยงดูบัตรที่มีอายุ 2 ขวบนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2024

ที่มา – The Straits Times, The Straits Times 2, CNA, CNA 2

อ่านเพิ่มเติม

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา