เจาะ 3 เหตุผล ทำไม Tesla ได้กำไรสุทธิต่อคันมากกว่า Toyota 8 เท่า Tesla ขายรถ 3.5 แสนคันยังได้กำไรมากกว่า Toyota ขาย 2.62 ล้านคัน
Tesla อวดผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2022 ส่งมอบรถได้ 344,000 คัน มีกำไรสุทธิ 3.29 พันล้านเหรียญ ยังตามหลัง Mercedes-Benz ค่ายรถเยอรมัน แต่ก็สามารถแซงหน้าได้ทั้ง BMW, Volkswagen รวมถึง Toyota ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์จากญี่ปุ่น ที่มีกำไรสุทธิ 3.15 พันล้านเหรียญ
ความน่าสนใจก็คือ Tesla มีกำไรมากกว่า Toyota นิดหน่อย ทั้ง ๆ ที่ Toyota ผลิตส่งมอบรถได้ถึง 2.62 ล้านคัน มากกว่า Tesla ถึง 7.6 เท่า
ดังนั้น Tesla จึงมีกำไรสุทธิต่อคัน ที่สูงกว่า Toyota ถึง 8 เท่า โดยค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ รายนี้ มีกำไรสุทธิต่อคันที่ 9,570 เหรียญ (3.6 แสนบาท) ส่วนยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอยู่ที่ 1,200 เหรียญ (4.5 หมื่นบาท) ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 8 ของ Tesla เท่านั้น
และเป็นที่เชื่อกันอีกด้วยว่า Tesla มีกำไรสุทธิต่อคันที่สูงกว่า Mercedes-Benz
คำถามคือ ทำไม Tesla ถึงสามารถทำกำไรสุทธิต่อคันได้สูงขนาดนี้ มีปัจจัยอะไรอยู่เบื้องหลัง ซึ่งทาง Nikkei Asia สื่อชื่อดังจากญี่ปุ่นให้เหตุผลถึงเรื่องนี้เอาไว้ 3 ข้อด้วยกัน
กลยุทธ์ – Toyota จัดจำหน่ายรถที่แตกต่างกันออกไปหลายรูปแบบ ทั้งรถยนต์น้ำมัน รถยนต์ไฮบริด ไปจนถึง FCEV แถมยังมีหลายรุ่น หลายราคาตั้งแต่ถูกยันแพง ในขณะที่ Tesla โฟกัสที่ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ซึ่งมีราคาแพงกว่าโดนเปรียบเทียบ แถม Tesla ยังกล้าที่จะปรับราคาขึ้นตามราคาวัตถุดิบที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วยความมั่นใจในแบรนด์ของตัวเอง
การผลิต – Tesla ใช้งานเครื่องหล่อฉีด Giga Press เพื่อลดขั้นตอนในการประกอบ ซึ่ง Elon Musk เคยทวิตเอาไว้ว่า “สามารถลดขั้นตอนการประกอบจาก 70 เหลือ 1 ขั้นตอน” สามารถผลิตโครงรถได้ราว 1,000 ชิ้นต่อวัน แม้การใช้งานเครื่องจักรชนิดนี้จะลดทอนคุณภาพลงไปบ้างแต่ก็ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้
การขาย – Tesla จะเน้นการขายโดยตรงผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งทำให้ได้กำไรมากกว่าการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายแบบที่ค่ายรถชอบทำกัน นอกจากนี้ Koji Endo จาก SBI Securities ยังระบุอีกด้วยว่า กำไรที่เติบโตของ Tesla นอกจากจะมาจากการขึ้นราคาแล้ว ส่วนหนึ่งก็มาจากยอดขายซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติที่พูดได้ว่าล้ำหน้ากว่าเจ้าอื่นในตลาดอยู่พอสมควร
ที่มา – Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา