ผลวิจัยพบ เทรนด์ใหม่ของการซื้อบ้านยุคนี้ คนรุ่นใหม่นิยมซื้อบ้าน เป็นเจ้าของบ้านร่วมกันกับเพื่อนหรือคนรัก มากกว่าจะซื้อบ้านด้วยตัวเองหรืออยู่ได้โดยลำพังคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะบ้านยุคนี้ราคาแพงเกินไป แพงเกินกว่าจะอยู่คนเดียว ส่วนคนโสดนิยมเน้นเช่าบ้าน ไม่ต้องซื้อหาแบกบ้านให้เป็นภาระชีวิต
ยุคโรคระบาดถือเป็นยุคสมัยแห่งความท้าทายของชีวิตยุคหนึ่ง คนรุ่นใหม่ในยุคก่อนโรคระบาดต่างเผชิญชีวิตที่ยากลำบากอยู่ก่อนหน้าแล้ว ทั้งเศรษฐกิจแย่ ปัญหาสุขภาพจิตรุมเร้า หนี้การศึกษามหาศาล คิดจะมีบ้านเรื่องนี้คือเรื่องที่ต้องพักไปได้เลย ก่อนหน้านี้เราเคยเสนอไปแล้วว่าการซื้อบ้านของคนรุ่นใหม่มันยากลำบากกว่าคนยุคก่อน เพราะปัญหาหนี้และเศรษฐกิจที่เสื่อมโทรมจนคนรุ่นใหม่ไม่สามารถมีบ้านเป็นของตัวเองและกลายเป็น Generation Rent
- มายาคติเรื่อง Generation Rent คนรุ่นใหม่ไม่ได้อยากเช่าบ้านอยู่ แต่ไม่มีเงินจะซื้อ
- เศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อไม่ฟื้น หนี้ครัวเรือนพ่นพิษหนัก ทำคนรุ่นใหม่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
เทรนด์ซื้อบ้านใหม่ รวมหมู่กันอยู่ ดีกว่าอยู่คนเดียวแล้วจ่ายแพงกว่า
ต้องบอกว่า เทรนด์การซื้อบ้านแบบใหม่ ด้วยการหันมาแชร์บ้านร่วมกันระหว่างเพื่อนฝูงนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้าโควิดระบาดแล้ว แต่หลังจากโควิดระบาด เทรนด์นี้ก็ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น จากรายงานของ Wall Street Journal ระบุโดยอ้างอิงจาก Attom Data Solution ทีวิเคราะห์ด้านอสังหาริมทรัพย์ไว้ว่า ตั้งแต่ปี 2014 ที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่กลายเป็นคนกลุ่มที่มีสัดส่วนในการซื้อบ้าน กลุ่มใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา จำนวนบ้านและคอนโดถูกขายทั่วประเทศโดยการมีผู้ซื้อร่วมกันมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จำนวนคนซื้อบ้านร่วมกัน เป็นเจ้าของบ้านร่วมกันโดยมีนามสกุลแตกต่างกันเพิ่มขึ้นมากถึง 771% ระหว่างช่วงปี 2014 ถึงปี 2021
หลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 แพร่กระจายมากขึ้น เทรนด์การซื้อบ้านร่วมกันของกลุ่มคนรุ่นใหม่ยิ่งขยายตัวมากขึ้น อีกทั้งขยายตัวในทุกช่วงอายุด้วย นับตั้งแต่เมษายนถึงมิถุนายน 2020 ข้อมูลระบุว่า ผู้บริโภคที่ซื้อบ้านซึ่งเป็นคู่รักที่ไม่แต่งงานกันมีมากถึง 11% ส่วนอีก 3% คือคนอื่น คนอื่นในที่นี้ไม่ใช่คู่รักแต่เป็นรูมเมท เพื่อนร่วมห้องนั่นเอง มีอัตราการซื้อบ้านร่วมกันเพิ่มขึ้น 9% และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 2% ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า
ด้าน Jessica Lautz รองประธานด้านประชากรและพฤติกรรม จาก NAR (สมาคมการค้าเกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา) ระบุว่า ช่วงที่มีโรคระบาด ผู้คนที่เคยเช่าบ้านอยู่ ต่างก็อยากได้พื้นที่สำหรับอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น พวกเขาจึงหาทางเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยและหาทางซื้อด้วยการซื้อร่วมกับรูมเมท ตัดสินใจร่วมกัน
อย่างไรก็ดี วิธีคิดดังกล่าวขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมในสังคมและสภาพแวดล้อมยุคสมัยนั้นประกอบกัน ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนแต่งงานช้าขึ้น มีลูกช้าลง หรือบางทีก็ไม่คิดมีลูกหรือไม่คิดแต่งงานเลย แต่ความคิดที่ต้องการจะมีบ้านเป็นพื้นที่ของตัวเองนั้นยังมีความต้องการอยู่ สิ่งที่สำคัญสำหรับเทรนด์ใหม่ในการซื้อบ้านเช่นนี้คือ ความเชื่อใจ ความมั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อที่เป็นเพื่อน เป็นรูมเมท หรือเป็นคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน แน่นอนว่า ถ้ามีเรื่องบาดหมางกันเมื่อไร ปัญหาแยกบ้าน แยกสินทรัพย์ การใช้จ่ายหลังจากนั้นจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องสะสางเช่นกัน
อยู่คนเดียวมันแพง ซื้อบ้านร่วมกัน ราคาที่ต้องจ่ายย่อมถูกกว่า
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ วิธีคิดของวิถี new normal ย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กลายเป็นความปกติใหม่ที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ เพียงเพราะพวกเขาเหล่านั้นสามารถเชื่อใจและมั่นใจในกันและกันได้ ทำให้เรื่องคิดมีบ้านร่วมกันกับผู้อื่นที่ไม่ใช่คนสายเลือดเดียวกันหรือคู่รักที่แต่งงานกันชัดเจนกลายเป็นเรื่องรองลงไป
สิ่งนี้สะท้อนความจริงที่ว่า คนมีลูกน้อยลง แต่งงานช้าลง มีความคิดที่จะมีคู่ชีวิตน้อยลง เรื่องนี้ Clare Mehta รองศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาเคยว่าไว้ คนรุ่นใหม่มีทางเลือกมากกว่าคนรุ่นก่อน ขณะเดียวกันพวกเขาก็มีความมั่นคงในชีวิตช้าลงหรือหากเทียบกับคนรุ่นก่อนหน้า ก็มีเสถียรภาพในชีวิตหรือมีความมั่นคงในชีวิตที่เปราะบาง ไม่มั่นคง และไม่ง่ายที่จะไขว่คว้ามา
การมีบ้านเป็นของตัวเองถือเป็นเสาหลักของชีวิต เป็นความสำคัญแห่งยุคสมัย นี่คือสิ่งที่สะท้อนผลสำรวจความคิดคนรุ่นใหม่ของ Bank of America พบว่า คนรุ่นใหม่เกือบ 3 ใน 4 ให้ความสำคัญกับการมีบ้านเป็นของตัวเองมากกว่าที่จะคิดแต่งงานหรือมีลูก สิ่งนี้จึงช่วยอธิบายให้เห็นภาพว่าทำไมคนรุ่นใหม่ถึงซื้อบ้านร่วมกันก่อนที่จะแต่งงานกัน
นอกจากนี้ ผลวิจัยจาก Freddie Mac ยังพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เป็นโสดมักจะเช่าบ้านอยู่ราว 60% เพราะพวกเธอคิดว่าไม่สามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ ส่วนใหญ่ระบุว่า มีเงินไม่พอจะจ่ายค่าดาวน์บ้านด้วยซ้ำ บ้านสมัยนี้มันแพงเกินไป การตัดค่าใช้จ่ายที่ต้องพึ่งตัวเองเพียงลำพังด้วยการหันมาแชร์ค่าใช้จ่ายกับเพื่อนหรือรูมเมทจึงเป็นทางเลือกที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมาก อย่างน้อยพวกเขาก็จ่ายเงินน้อยลง มีพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นและมีวิถีชีวิตรวมหมู่ เป็นกลุ่มเป็นก้อนมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา