ประธานาธิบดีสี จิ้งผิง ของจีน ได้ยกระดับการดำเนินนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity) สร้างความสั่นสะเทือนให้กับผู้ขายสินค้าหรูซึ่งมีความกังวลว่าคนรวยในจีนจะไม่สามารถใช้จ่ายอย่างอิสระได้อีกต่อไป
จีนจะลดปัญหารวยกระจุก
นโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (common prosperity) เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพสูง (high-quality economic development) ในการประชุมคณะกรรมการด้านการเงินและเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ในที่ประชุมคณะกรรมการได้เรียกร้องให้มีการกระจายความมั่งคั่งที่กระจุกตัวอยู่ในคนกลุ่มน้อย และจะเอื้อให้ประชาชนพัฒนาขีดความสามารถตัวเองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยให้คนร่ำรวยมีเพิ่มมากขึ้น
ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลจีนกำลังเผชิญ โดยพบว่าคนรวยที่สุด 1% เป็นเจ้าของความมั่งคั่งถึง 30% ของความมั่งคั่งทั้งหมดในประเทศ นอกจากนี้จีนยังครองแชมป์ประเทศที่มีมหาเศรษฐีระดับโลกเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกเมื่อปีที่แล้ว
นโยบายกระทบถึงผู้ผลิตสินค้าหรู
จากข่าวนี้ก็ได้ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทแบรนด์หรูรายใหญ่ร่วง โดยหุ้นของบริษัท LVMH ร่วง 5.16% ส่วน Kering ลดลง 3.55% และ Burberry ร่วงลง 5.51% หลังจากประธานาธิบดีของจีนออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าว
กลุ่มลูกค้าชาวจีนถือเป็นกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของผู้ผลิตสินค้าหรูเห็นได้จากยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในจีนเติบโต 48% แตะ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท) ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิดในปีที่แล้ว ในขณะที่มูลค่าตลาดสินค้าหรูทั่วโลกลดลง
จากนโยบายดังกล่าวทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่าแบรนด์หรูทั้งหลายกำลังถูกหมายหัวจากทางการจีน หลังจากมีการออกมาควบคุมในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและวงการการศึกษามาแล้วก่อนหน้านี้
- ทางการจีนไม่ได้เพ่งเล็งแค่ ‘แจ็ค หม่า’ เท่านั้น แต่บริษัทเทคจีนทุกรายต้องระวังตัว
- รัฐบาลจีนออกกฎใหม่ คุมบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ ลดผูกขาด-ครอบงำตลาด ผู้เชี่ยวชาญบอก กระบวนการค่อนข้างเร่งรีบ
- โดนทุกวงการ แอพการศึกษาในจีนที่มี Alibaba และ Tencent หนุนหลัง ถูกรัฐบาลจีนสั่งปรับเงิน
สรุป
จากที่มีการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าตลาดสินค้าหรูในจีนมีแนวโน้มจะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่เมื่อทางการจีนดำเนินนโยบายลดความเหลื่อมล้ำอย่างจริงจังเช่นนี้ก็เป็นที่น่าติดตามว่าตลาดสินค้าหรูในจีนจะยังเติบโตได้ดีเหมือนเดิมหรือไม่
- เตรียมโบกมือลาฮ่องกง แบรนด์เนมหรูหันไปตีตลาดคนจีนแผ่นดินใหญ่ เน้นไลฟ์สดขายออนไลน์แทน
- Gucci รับ จีนคือลูกค้ารายใหญ่ ไวรัส COVID-19 ระบาด ส่งผลให้ยอดขายตก
ที่มา: Nikkei Asia, Xinhua, Global Times, BOF
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา