Blue Origin ยื่นฟ้อง NASA หลังให้สัญญา SpaceX สร้างยานไปดวงจันทร์ผ่านโครงการระดับนานาชาติ

Blue Origin ไม่พอใจกระบวนการคัดของ NASA

Blue Origin ยื่นฟ้องไปยังรัฐบาลกลางเพื่อคัดค้านสัญญามูลค่า 2.89 พันล้านดอลลาร์ (9.5 หมื่นล้านบาท) ที่ NASA ทำกับบริษัทคู่แข่งอย่าง SpaceX เพื่อสร้างยานอวกาศส่งนักบินไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ทศวรรษ

สำหรับรายละเอียดของคดีความยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ Blue Origin อ้างว่าเป็นความพยายามที่จะแก้ไขข้อบกพร่องในกระบวนการจัดหาที่พบในโปรแกรม Human Landing System (HLS) ของ NASA 

โครงการระดับนานาชาติพาไปดวงจันทร์ในรอบ 50 ปี

HLS คือชื่ออย่างเป็นทางการของโปรแกรมที่จะพานักบินอวกาศไปยังพื้นผิวดวงจันทร์ภายใต้โครงการสำรวจดวงจันทร์​ ‘Artemis’ โดย HLS พยายามทำสัญญากับภาคเอกชนเพื่อพัฒนาและทดสอบยานพาหนะที่จะนำนักบินอวกาศขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์

หลังจากที่ NASA ประกาศมอบภารกิจให้กลุ่มธุรกิจอวกาศพัฒนาระบบพามนุษย์ไปดวงจันทร์ภายใต้โครงการนี้โดยมี SpaceX ของ Elon Musk และ Blue Origin จาก Jeff Bezos นอกจากนี้ยังมี Dynetics บริษัทธุรกิจอวกาศอายุ 46 ปี เข้าร่วม

แต่สุดท้ายสัญญาพัฒนายานอวกาศร่วมกับ NASA ก็ตกเป็นของ SpaceX เพียงเจ้าเดียว โดย NASA ให้เหตุผลหลักว่าเป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย

SpaceX Falcon Heavy
ภาพจาก SpaceX

ก่อนหน้านี้ Blue Origin ก็เคยพยายามต่อสู้เพื่อคัดค้านสัญญาไปยังสำนักงานตรวจสอบสูงสุดของรัฐบาลกลางสหรัฐ (US Government Accountability Office) แต่ถูกปฏิเสธคำขอกลับไป

สองเศรษฐีตอบโต้กันดุเดือด

การต่อสู้ระหว่าง SpaceX และ Blue Origin ของทั้งสองมหาเศรษฐีโลกอย่าง Elon Musk และ Jeff Bezos นั้นรวมถึงการฟาดฟันผ่านการสื่อสารต่อสาธารณะด้วย

ฝั่ง Blue Origin บอกว่าแผนการของ SpaceX ที่จะใช้ยาน Starship ซึ่งเป็นจรวดทดลองขนาดใหญ่ที่กำลังทดสอบใน South Texas เพื่อใช้ในโปรแกรม HLS มีความซับซ้อนมากและมีความเสี่ยงสูง

ทางด้านซีอีโอของ SpaceX ก็ได้ออกมาดูแคลนการกล่าวอ้างของ Blue Origin ผ่านทางทวิตเตอร์ของตัวเอง โดยบอกว่า “หากการล็อบบี้และทนายสามารถพาคุณไปสู่วงโคจรได้ ตอนนี้ Bezos คงไปถึงดาวพลูโตแล้ว” 

ธุรกิจอวกาศของสองมหาเศรษฐีต่างต้องการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างยานอวกาศในโครงการยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติ แต่ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว Blue Origin จะมีโอกาสในการไปดวงจันทร์ครั้งนี้หรือไม่

ที่มา: CNN (1), (2)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา