จบงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 38 ไปเรียบร้อย มีหลายเรื่องในวงการตลาดรถยนต์ปีนี้ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะหลังจากเห็นตัวเลขยอดขายรถยนต์ในงานนี้กว่า 31,000 คัน พร้อมกับอันดับแบรนด์รถยนต์ที่ขายดี รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดไตรมาสแรก ลองมาวิเคราะห์กันดูว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
- ยอดขายอันดับ 1 Toyota ทำยอดขายไป 5,465 คัน ทั้งที่ยังไม่มีรถยนต์โมเดลใหม่ๆ เจ๋งๆ ออกมาทำตลาด มีเพียง Vios ที่ไมเนอร์เชนจ์ไปเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งล่าสุด Toyota ได้เปลี่ยนนายใหญ่ประจำประเทศไทย เป็น มิจิโนบุ ซึงาตะ ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน เคียวอิจิ ทานาดะ ที่หมดวาระไป เป้าหมายของ Toyota คือ การกลับมาครองตำแหน่งแชมป์ยอดขายทั้ง 3 ตลาด คือ ตลาดรวม, ตลาดรถยนต์นั่ง และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ แต่ก็ดูจะไม่ง่ายนัก
- อันดับ 2 ไม่ใช่ใครที่ไหน Honda กับยอดขาย 5,279 คัน ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ทำยอดขายรดต้นคอเบอร์ 1 ไม่ถึง 200 คัน โดยพระเอกหลักมีทั้ง Honda City ที่ไมเนอร์เชนจ์แบบจัดเต็มแต่ขายในราคาเดิม Honda Civic Hatchback ปิดท้ายด้วย Honda CRV ที่วางเครื่องเทอร์โบ ดีเซล ต้องบอกว่าจัดเต็มครบมาก และราคาแต่ละรุ่นก็เร้าใจ จากปกติที่ Honda จะไม่เน้นทำราคาลงมาแข่งมากนัก นี่อาจเป็นสัญญาณว่า Honda จะรักษาแชมป์รถยนต์นั่ง และป้องกันที่ 3 ในตลาดที่จะขึ้นมา
- Mazda ทำยอดขายได้ดีมาเป็นอันดับ 3 จำนวน 3,419 คัน ดีทั้งในงานและในตลาดรวม พระเอกหลักคือ Mazda 2 และ Mazda 3 ใหม่ ยอมรับเลยว่า Mazda สามารถยึดอันดับ 3 ได้ค่อนข้างถาวร ด้วยภาพลักษณ์การออกแบบ และเทคโนโลยี ที่ทำออกมาตีตลาดคนรุ่นใหม่ได้ดี แม้ในภาพรวมยอดขายทั้งปี ส่วนแบ่งตลาดของ Mazda จะยังห่างจากอันดับ 1 และ 2 อยู่มาก แต่ก็ถือว่าฉีกจากอันดับ 4 ได้อย่างชัดเจน
- รถกระบะ ISUZU ยังมีมนต์ขลัง ทำยอดขายเป็นอันดับ 4 จำนวน 2,974 คัน จุดเด่นคือ เครื่องยนต์ใหม่ 1.9 Ddi Blue Power กลายเป็นเทรนด์ใหม่แล้วที่รถกระบะใส่เครื่องเล็กติดเทอร์โบ
- ข้ามไปที่ Ford ที่ทำยอดขายได้ดี จำนวน 1,866 คัน พระเอกคือ Ford Ranger และ Ford Everest แม้ว่าจะมีประเด็นฟ้องร้องเรื่องคุณภาพของ Ford Fiesta อยู่ก็ตาม แสดงว่าในไลน์อัพของรถกระบะและ เอสยูวี Ford ยังได้รับความไว้วางใจอยู่
- สำหรับ Mitsubishi, Nissan และ Suzuki แม้จะไม่หวือหวา แต่ก็ทำยอดขายได้น่าพอใจ แต่ที่น่าจับตามองอีกรายคือ MG รถสัญชาติจีน เชื้อชาติอังกฤษ ที่เน้นจับตลาดคนรุ่นใหม่ และทำราคาแบบจับต้องได้ ก็มียอดขายสูงถึงหลักพันคันเช่นเดียวกัน
สรุป
สิ่งที่น่าจับตามองคือ การลงมาเล่นราคาของ Honda เพื่อรักษาตลาดรถยนต์นั่ง ที่ได้มาแล้ว 2 ปีติดจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากรถยนต์ที่มี option มากขึ้นแต่ราคาเดิม รวมถึงที่ 3 ถาวรอย่าง Mazda ที่ตีตลาดรถยนต์นั่งจนเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผู้บริโภคพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ ภาระหนักเลยมาตกที่ Toyota ที่ต้องรับศึกทั้ง รถยนต์นั่ง และ รถเพื่อการพาณิชย์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา