แม้ว่าโลกของเราจะมีวิกฤตเศรษฐกิจผ่านเข้ามากี่ครั้งก็ตาม
ในช่วงเวลาเหล่านั้นมักมีผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งที่กล้าตั้งธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมาแล้วประสบความสำเร็จ
Brand Inside จึงขอแนะนำให้รู้จักกับ 7 แบรนด์ดังที่ตั้งขึ้นมาในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี แต่สุดท้ายก็ขึ้นมามีชื่อเสียงระดับโลกได้ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนในช่วงสถานการณ์เช่นปัจจุบัน
มาเริ่มกันที่: วิกฤตการณ์การเงินแบบฉับพลันปี 1837
ในช่วงปี 1837 (Panic of 1837) ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มแย่ลง ราคาฝ้ายตกลงอย่างหนัก ราคาที่ดินเกิดฟองสบู่ ธนาคารในนิวยอร์กขาดทุนรวมกว่า 100 ล้านเหรียญ แต่ในช่วงเวลานั้นก็มี 2 ธุรกิจสำคัญถูกก่อตั้งขึ้นมา
1. Procter & Gamble หรือ P&G
วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 1837 เป็นจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจซบเซากว่าทศวรรษ
แต่ในปีนั้นเอง William Procter และ James Gamble ได้ก่อตั้งบริษัทสบู่ชื่อ Procter & Gamble ในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะทั้งคู่เห็นว่าเมืองนี้เป็นศูนย์กลางของการค้าขายเนื้อสัตว์
ทางบริษัทจึงถือโอกาสใช้ไขมันสัตว์มาผลิตสบู่ และสุดท้ายแล้ว ธุรกิจนี้รอดพ้นจากความท้าทายทางเศรษฐกิจได้ เพราะจัดหาสบู่ให้กับกองทัพสหภาพช่วงสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในปี 1860
ในปัจจุบัน P&G ดำเนินกิจการมากว่า 184 ปี กลายมาเป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ต่างๆ เช่น แชมพู Head & Shoulders, เครื่องสำอาง Olay, ยาสีฟัน Oral-B, น้ำยาซักผ้า Downy เป็นต้น
2. Tiffany & Co.
แบรนด์เครื่องประดับ Tiffany & Co. ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 1837
แต่หากย้อนกลับไปในตอนนั้น Charles Lewis Tiffany มีอายุ 25 ปี ได้เริ่มต้นธุรกิจโดยเปิดร้านขายเครื่องเขียนเล็กๆ ในนิวยอร์กซิตี้กับ John B Young เพื่อนของเขา
จนกระทั่งในปี 1853 Charles เล็งเห็นว่าตลาดของสินค้าประเภทเครื่องประดับกำลังเติบโตมากกว่าตลาดเครื่องเขียน เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาขายแค่เครื่องประดับเพียงอย่างเดียว ร้านนี้จึงมีชื่อเสียงขึ้นมาในหมู่ผู้หญิงที่ตามล่าหาเครื่องประดับหรูหรา
Tiffany & Co. มีชื่อเสียงด้านการทำเครื่องเงินมาตั้งแต่ปี 1867 และในปี 1878 ทางบริษัทก็ได้เข้าซื้อเพชรสีเหลืองกว่า 287.42 กะรัตจากเหมืองคิมเบอร์ลีย์ในแอฟริกาใต้ ต่อมาในปี 1940 ทางบริษัทก็ได้เปิดสาขาเรือธงที่หัวมุมถนน 57th Street และ Fifth Avenue ในนิวยอร์ก
เรียกได้ว่า Tiffany & Co. เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์หรูหรามากว่า 180 ปี
ด้วยความยิ่งใหญ่นี้ อาณาจักรแบรนด์หรูอย่าง LMVH จึงได้เข้าซื้อกิจการ Tiffany & Co. ในราคา 16.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5 แสนล้านบาท) เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา
วิกฤตตลาดหุ้นสหรัฐปี 1911
ช่วงปี 1911 เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงถึง 26% เนื่องจากยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทแสตนดาร์ดออยล์ บริษัทยาสูบอเมริกัน รวมไปถึงบริษัทอื่นๆ อีก 65 แห่งถูกฟ้องในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ในปีนั้นเองก็มีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์เจ้าหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา
3. IBM
ปัจจุบัน IBM เป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญด้านการประมวลผลแบบคลาวด์ AI รวมไปถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งหากย้อนกลับไปในปี 1911 บริษัท IBM ถูกก่อตั้งขึ้นมาในกรุงนิวยอร์ก และทางบริษัทก็ได้ผลิตคอมพิวเตอร์ที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก แม้ช่วงเวลานั้นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมนี้จะมียอดขายลดลงก็ตาม
นอกจากนั้น IBM ยังเข้ามามีบทบาทมากมายในประเทศไทย เช่น
ด้านการธนาคาร: IBM ได้สนับสนุนเทคโนโลยีสำหรับธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยให้ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดบริการ ATM ได้เป็นธนาคารแรก
ด้านการแพทย์: โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้เลือกใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง IBM POWER8 for High Performance Computing เพื่อรองรับการศึกษาวิจัยในเรื่องการรักษาโรคมะเร็งและโรคสมองเสื่อม
ทำความรู้จักกับบริษัท IBM เพิ่มเติมได้ที่: 65 ปี IBM กับประเทศไทย และเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ปี 1929
ในปี 1929 เมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มประสบปัญหา ผู้ประกอบการต่างพากันลด ละ เลิกการลงทุน เพราะเกรงว่าสินค้าที่ผลิตจะจำหน่ายไม่หมด ธนาคารต่างๆ ก็พยายามเรียกคืนหนี้สินที่ปล่อยกู้ไป ราคาหุ้นจึงตกลงจนตลาดหุ้นวอลสตรีทล้มลงเมื่อวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 1929
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายกว่า 30,000 ล้านเหรียญ จึงถูกเรียกว่า วันอังคารทมิฬ (Black Tuesday)
4. DISNEY
วิกฤตการณ์ทางการเงินที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเกิดขึ้นเมื่อปี 1929 แต่นั่นไม่ได้ทำให้สองพี่น้อง Walt Disney และ Roy Disney เลิกล้มความตั้งใจไป
เพราะในปีนั้นเอง พวกเขาได้สร้างตัวการ์ตูน Mickey Mouse ขึ้นมาในแอนิเมชั่นเรื่อง Steamboat Willie เพื่อมอบความสุขให้กับผู้คนที่ได้รับความทุกข์ยากจากวิกฤตเศรษฐกิจ และหลังจากนั้นทางบริษัทก็ได้ผลิตการ์ตูนเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดออกมา ซึ่งทำรายได้สูงมากในช่วงเวลาดังกล่าว
ก่อนที่ Walt Disney จะจากไปในปี 1966 เขาได้รับรางวัลออสการ์ทั้งหมด 26 รางวัล พร้อมกับส่งมอบสิ่งดีๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้สานต่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุกในหลากหลายสถานที่ทั่วโลก รวมไปถึงสตูดิโอของค่ายดังอย่าง Pixar Animation Studios และ Marvel Entertainment เป็นต้น
ทำความรู้จักกับอาณาจักร Disney เพิ่มเติมได้ที่: ผ่าอาณาจักร Walt Disney มีธุรกิจอะไรอยู่ในมือบ้าง
5. HP
หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 1929 เศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัวเท่าไหร่นัก
จนกระทั่งในปี 1939 William Hewlett และ David Packard ศิษย์เก่าของ Stanford Business School ได้ตัดสินใจสร้างบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งใหม่จากโรงรถในเมืองพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยแบรนด์ HP นั้นย่อมาจาก Hewlett และ Packard นั่นเอง
จากการลงทุนในครั้งแรกเพียง 614 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 19,000 บาท) ทั้งสองคนก็ได้ยอดขายในปีแรกกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 210,000 บาท) เพราะทางบริษัทได้ขายเครื่องรับวิทยุให้กับลูกค้ารายใหญ่อย่าง Disney เพื่อใช้ในแอนิเมชั่นเรื่อง Fantasia ซึ่งออกฉายในปี 1940 ต่อจากเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด และพินอคคิโอ
วิกฤตการณ์น้ำมันปี 1970
ในปี 1970 กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเป็นสินค้าส่งออกหรือ OPEC (Organization of the Petroleum Exporting Countries) ประกาศลดการผลิตน้ำมันดิบ ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบสำรองในโลกมีน้อยลง ราคาน้ำมันจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน โดยเฉพาะการผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มประเทศ OPEC จึงถือโอกาสใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศตามมา
6. MICROSOFT
ในปี 1970 ท่ามกลางวิกฤตการณ์น้ำมันซึ่งทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานถึง 16 เดือน
สองหนุ่มวิศวกรผู้กล้าหาญ คือ Bill Gates และ Paul Allen ได้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ขึ้นมา
ต่อมาในปี 1981 ไมโครซอฟต์ได้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกออกสู่ตลาด และหลังจากนั้นทางบริษัทก็ได้พัฒนาซอฟต์แวร์อื่นๆ ออกมาทั้ง Windows, Office, Outlook และ Xbox เป็นต้น
ปัจจุบันผู้คนทั่วโลกใช้ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟต์หลักหลายล้านคนต่อวัน ซึ่งก็สอดรับกับวิสัยทัศน์ของทั้งคู่ตั้งแต่ตอนก่อตั้งบริษัทว่า “อยากทำให้คอมพิวเตอร์ของไมโครซอฟต์ไปอยู่บนทุกโต๊ะทำงานและในทุกบ้าน”
เรื่องนี้ทำให้ Bill Gates ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
7. CNN
หลังจากวิกฤตการณ์น้ำมันในปี 1970 เศรษฐกิจโลกก็ยังไม่ฟื้นตัวเท่าไหร่นัก จนกระทั่งในปี 1980 สำนักข่าว CNN ได้ก่อตั้งขึ้นมาโดย Ted Turner
นับได้ว่าในตอนนั้น CNN เป็นสำนักข่าวแห่งแรกที่นำเสนอข่าวตลอดทั้งวัน และในปี 1991 CNN ก็เป็นเพียงสื่อเดียวที่เดินทางไปทำข่าว ณ ประเทศอิรักช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย ทำให้เก็บข้อมูลเหตุการณ์มาได้อย่างละเอียดกว่าสื่ออื่นๆ
นอกจากนั้น CNN ยังเป็นช่องข่าวเคเบิลช่องแรกที่รายงานข่าวการโจมตีทางอากาศของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 1996 อีกด้วย ทำให้ในปีนั้นเอง Time Warner Inc. ได้เข้าซื้อกิจการของ CNN และในปัจจุบัน CNN ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสำนักข่าวอันต้นๆ ในสหรัฐอเมริกา
โดยสรุป
จะเห็นได้ว่าทั้ง 7 ธุรกิจที่กล่าวมานี้ล้วนก่อตั้งขึ้นมาในช่วงปีที่เกิดเศรษฐกิจตกต่ำมากน้อยแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ธุรกิจเหล่านี้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ มาได้ และเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ในยุคปัจจุบัน
ดังนั้น ถ้าคุณมีความฝันอยากสร้างธุรกิจอะไรขึ้นมา เราก็ขอสนับสนุนให้คุณกล้าลงมือทำ แม้ว่าช่วงนี้ประเทศไทยจะเศรษฐกิจไม่ดีก็ตาม เพราะในทุกวิกฤตมักมีโอกาสทางธุรกิจ…ซ่อนอยู่เสมอ
ที่มา: businessleader, lovemoney, articlesbplan, forbes, coolontop, satit, Cellbiology, wikipedia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา