วิจัยเผย ยิ่งลงทุนสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่ ยิ่งทำเงินได้เท่านั้น บริษัท 93% ไม่ขาดทุน

ธุรกิจกำลังเข้าใจผิดว่าการรักษาสิ่งแวดล้อมสร้างต้นทุนให้ธุรกิจมากขึ้น แต่การวิจัยบอกว่าพวกเขาคิดผิด จริงๆ แล้ว ยิ่งบริษัทลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น

dentsu

เรื่องสิ่งแวดล้อม ยิ่งลงทุน ยิ่งได้กำไร วิจัยเผย

งานวิจัยของ Fanny Hermundsdottir และ Arild Aspelund จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์เวย์ ศึกษาย้อนหลัง 15 ปี เพื่อประเมินความความสัมพันธ์ระหว่าง “การลงทุนในด้านสิ่งแวดล้อม” และ “ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ” ได้เปิดเผยว่า มีบริษัทเพียง 2% เท่านั้นที่มีศักยภาพทางธุรกิจลดลงเมื่อลงทุนเพิ่มในนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เพราะการลงทุนของธุรกิจเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมสร้างมูลค่าและเพิ่มความสามารถให้ธุรกิจ

ผลการศึกษาชี้ว่าบริษัทส่วนใหญ่ได้มากกว่าเสียในการลงทุนในสิ่งแวดล้อม

  1. ธุรกิจ 64% มีศักยภาพทางธุรกิจเพิ่มขึ้น 
  2. ธุรกิจ 29% ให้ผลลัพธ์กลางๆ 
  3. ธุรกิจ 5% ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน
  4. ธุรกิจ 2% มีศักยภาพทางธุรกิจลดลง

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่พวกเขายกตัวอย่าง คือ กรณีของ Walmart ที่ตัดสินใจยกเครื่องห่วงโซ่การผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นในปี 2005 ผู้วิจัยได้สรุปนโยบายครั้งนี้ของ Walmart ว่าเป็นการตัดสินใจที่ทำเงินมหาศาล

Walmart // ภาพจาก Flickr ของ Mike Mozart

หนึ่งในโครงการของ Walmart คือการเพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่การผลิตอาหารทะเลทั้งระบบ Walmart ร่วมมือกับเครือข่ายผู้ผลิตอาหารทะเล โดยร่วมมือกับ Marine Stewardship Council (MSC) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ดูแลเรื่องความยั่งยื่นของระบบนิเวศทางทะเล เพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตอาหารทะเลที่โปร่งใส ยืนยันได้ว่ามีที่มาที่เป็นมิตรต่อระบบนิเวศทางทะเล ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ผู้บริโภคทั้งรายใหญ่และรายย่อยบริโภคสินค้า Walmart มากขึ้น 

นอกจากนี้การเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับ MSC ทำให้ Walmart สามารถเข้าถึงผู้ผลิตต้นทาง ระบบโลจิสติกส์ และบริการอื่นๆ ที่เป็นมิตรต่อระบบนิเวศด้วยต้นทุนที่ถูกลง ทั้งในด้านเวลา ความสะดวก และตัวเงินที่ถูกลง กล่าวคือยิ่งปรับตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้บริษัทเกิดนวัตกรรมเชิงการจัดการที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพเชิงสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้น

มีงานวิจัยเผยว่า การปรับตัวครั้งใหญ่ของ Walmart ครั้งนี้ทำให้ธุรกิจอาหารทะเลของ Walmart โตขึ้น 1 ใน 4 จนมีมูลค่ากว่า 750 ล้านดอลลาร์ภายในปีเดียว แต่นี่ไม่ใช่โครงการเดียวของ Walmart เพราะบริษัทมีการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับหน่วยงานไม่แสวงผลกำไรและห่วงโซ่การผลิตที่ยั่งยืนในอีกหลายธุรกิจ เช่น สิ่งทอ และอิเล็กทรอนิกส์

CHANGZHOU, CHINA – MAY 13 (Photo by Kevin Frayer/Getty Images)

การไม่คิดเรื่องสิ่งแวดล้อม สร้างต้นทุนให้กับธุรกิจมากขึ้น

ความเข้าใจแบบเดิมๆ ว่าการรับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นต้นทุน เป็นเรื่องที่ถูกเข้าใจกันแบบผิดๆ จริงๆแล้วการไม่รับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างหากที่เป็นต้นทุน

ปัจจุบัน กระแสเรียกร้องให้ธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปมากขึ้น กฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมจึงจริงจังมากขึ้น นี่ยังไม่นับรวมค่านิยมใหม่ๆ ที่พร้อมกดดันให้บริษัทมีความรับผิดชอบต่อสังคมตลอดเวลา

ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมถูกกว่าค่าปรับที่ต้องจ่ายเพื่อชดใช้การหลบเลี่ยงการรักษามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม

solar
Solar Farm // ภาพจาก Shutterstock

ทีมวิจัยถึงกับบอกว่า ความเชื่อว่า “การรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นต้นทุน” เป็นสิ่งที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ 

ตัวอย่างคือ Volkswagen บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ในกรณีโกงข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนเป็นเรื่องเป็นราวให้สูญเงินกว่า 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท

และยังได้ของแถมคือการเสียชื่อเสียงของบริษัทครั้งใหญ่อีก 

ที่มา – Quartz

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

บาส รชต สนิท - นักข่าว นักเขียน ที่ Brand Inside | สนใจด้าน Future of Work, สิทธิคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, การเมืองโลก, ปัญหาทุนนิยม และ สิทธิมนุษยชน