The Pizza Company ร้านพิซซ่าในเครือ Minor Food เล่าถึงภาพรวมของธุรกิจร้านพิซซ่าในปี 2020 รวมถึงภาพรวมการทำธุรกิจในปี 2021 ที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ในปี 2020 ที่ผ่านมายังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายร้านต้องปิดตัวลงชั่วคราว หรือบางร้านก็ตัดสินใจปิดร้านอย่างถาวร เช่นเดียวกับธุรกิจร้านอาหารรายใหญ่ที่มีสาขาทั่วประเทศอย่าง The Pizza Company ในเครือ Minor Food ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
พิซซ่า อาหารที่เกิดมาเพื่อเดลิเวอรี
ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไปของ The Pizza Company ในเครือ Minor Food เล่าถึงสถานการณ์ของ The Pizza Company ในปี 2020 ที่ผ่านมาว่า สาขาทั้งหมดของ The Pizza Company มีทั้งหมดประมาณ 420 สาขา โดยต้องปิดตัวลงชั่วคราวไป 7 สาขา ส่วนใหญ่เป็นสาขาที่อยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น สาขาในจังหวัดภูเก็ต เกาะพีพี และเกาะเต่า เป็นต้น
ส่วนในปีนี้มีการปิดสาขาชั่วคราวเพิ่มไปแล้ว 3 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่สีแดง รวมสาขาที่ปิดให้บริการในขณะนี้มีประมาณ 10 สาขา ส่วนในปีนี้จะยังคงชะลอการเปิดสาขาใหม่ออกไปก่อนในช่วงครึ่งปีแรกนี้ จากที่ปีที่แล้วคาดการณ์ว่าปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 7-8 สาขา
อย่างไรก็ตาม โควิด-19 ดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ The Pizza Company มากนัก เพราะสัดส่วนการขายในปัจจุบันเป็นการสั่งซื้อผ่านบริการเดลิเวอรีเป็นส่วนใหญ่ คือ 60% ตามมาด้วยซื้อกลับไปทานที่บ้าน (Take Away) 30% และการนั่งทานที่ร้านอีก 10% เท่านั้น
สาเหตุที่ทำให้พิซซ่า เป็นอาหารที่ยังขายได้ดีในช่วงเวลาที่โควิด-19 ระบาด เป็นเพราะพิซซ่า เป็นอาหารที่เกิดมาเพื่อจัดส่งแบบเดลิเวอรี่อยู่แล้ว ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกันทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
ย้อนกลับไปในปีที่แล้ว The Pizza Company ได้มีการเปิดตัวพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กขนาดใหญ่กว่า 18 นิ้ว ซึ่งเป็นพิซซ่าที่ไม่สามารถส่งเดลิเวอรีได้ เพราะต้องการดึงให้คนกลับเข้ามานั่งทานอาหารภายในร้านอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงที่มีการปลดล็อคดาวน์ไปแล้ว
ซึ่งในครั้งนั้นความต้องการที่จะดึงให้คนกลับเข้ามานั่งทานอาหารภายในร้านทำได้สำเร็จ โดย The Pizza Company ก็ได้ให้ข้อมูลว่าพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายกว่า 2 แสนถาด ภายในเวลา 2 สัปดาห์แรก
พิซซ่าไซส์ใหญ่ ที่ลดขนาดลงจนส่งเดลิเวอรีได้
แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีการแพร่ระบาดครั้งใหม่ The Pizza Company จึงไม่สามารถใช้กลยุทธ์เดิมเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาทานอาหารที่ร้านได้อีกต่อไปแล้ว
จนในที่สุด The Pizza Company จึงต้องลดขนาดพิซซ่ายักษ์สไตล์นิวยอร์กให้เหลือ 15 นิ้ว เพื่อให้สามารถบริการส่งเดลิเวอรีได้ โดยในปีนี้มีการเปิดตัวพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กในหน้าใหม่อีก 4 หน้า ได้แก่ มาการิต้า คาโบนาร่า พาร์ม่าแฮม และซีฟู้ด มาเนีย โดยพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กนี้จะไม่ใช่เมนูชั่วคราวอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเมนูถาวรของ The Pizza Company แล้ว
พรีเซนเตอร์ใหม่ในรอบ 10 ปี หวังเข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่ คนเจน Z มากขึ้น
นอกจากนี้ The Pizza Company ยังต้องการที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ นั่นคือ กลุ่มคนเจน Z คนวัยเรียน และคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม จากที่แต่เดิม The Pizza Company มักถูกมองว่าเป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัวมากกว่า
โดยกลยุทธ์ที่ The Pizza Company ใช้ คือการเปิดตัวพรีเซนเตอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี นั่นคือ “ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต” เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น
พฤติกรรมการสั่งอาหารของลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัว กับกลุ่มคนรุ่นใหม่จะมีความต่างกันพอสมควร โดยกลุ่มลูกค้าครอบครัวจะนิยมสั่งอาหารให้หลากหลาย เน้นทานหลายๆ อย่าง แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่จะเน้นความคุ้มค่า สั่งเมนูที่คุ้ม และได้ปริมาณเยอะ
การเดินเกมครั้งนี้ของ The Pizza Company ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ คนเจน Z ให้มากขึ้น นับว่าน่าสนใจ เพราะพฤติกรรมของลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ ต้องการเมนูอาหารที่คุ้มค่า ได้ปริมาณเยอะ ซึ่งเมนูพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กทั้งขนาด 15 และ 18 นิ้ว ก็ตอบโจทย์ในจุดนี้ได้ ส่วนตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่อย่าง ไอซ์ พาริส ก็เป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นอยู่แล้วด้วย
นอกจากนี้ด้านการตลาด The Pizza Company จะลดการลงโฆษณาในสื่อชนิด Out of Home (สื่อนอกบ้าน) ในช่วงนี้ โดยเฉพาะโฆษณาตามลิฟท์ในอาคารสำนักงาน เพราะพฤติกรรมการทำงานที่บ้านของคน แต่จะเน้นการโฆษณาบนช่องทางดิจิทัลต่างๆ ทดแทน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา