วิเคราะห์ 5 เรื่องราววุ่นๆ ช่วงนี้ของ Elon Musk ที่กำลังทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลง

ดูเหมือนว่าความวุ่นวายของ Tesla จะยังไม่จบไม่สิ้น ยิ่งหลังจากตัวเขาได้ให้สัมภาษณ์กับ New York Times ว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ระทมทุกข์ที่สุดในชีวิตการทำงานของผม” แต่เรื่องราวที่เริ่มต้นนี้อาจไม่จบไม่สิ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคนเก่งอย่างเขาเองอาจต้องหาคนมาช่วยแบ่งเบาภาระที่ Tesla ได้แล้ว

ถึงแม้ว่าล่าสุด Elon Musk จะประกาศว่าเขาจะพา Tesla ออกจากตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ แต่เรื่องราวหลังจากนี้กลับกลายเป็นว่ายุ่งเหยิงเข้าไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ หนำซ้ำปัญหาเดิมๆ ก็ยังแก้ไม่ตกอีกต่างหาก ยิ่งซ้ำเติมให้ทั้งราคาหุ้นของ Tesla ตกลงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แถมยังทำให้ตัวเขาเองอาจมีความเครียดจากแรงกดดันที่มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นจากบอร์ดของบริษัท และรวมไปถึงนักลงทุน

Brand Inside จึงได้รวบรวมเรื่องราววุ่นๆ ของ ​Elon Musk 5 เรื่องในช่วงนี้มาฝาก

1. ไล่บี้เหล่า Short Seller

สิ่งหนึ่งที่สร้างความรำคาญใจให้กับ Musk ในช่วงที่ผ่านมา และเป็นอีก 1 แรงจูงใจพาบริษัทออกจากตลาดหุ้นให้ได้ คือเหล่า Short Seller ซึ่งคือพวกที่ยืมหุ้นของ Tesla จากบริษัทหลักทรัพย์มาขายในตลาดหุ้น เพื่อหวังว่าราคาหุ้นของ Tesla จะมีราคาลดลง แล้วหลังจากนั้นค่อยซื้อหุ้นที่ราคาถูกคืนกลับไปยังบริษัทหลักทรัพย์เพื่อกินส่วนต่าง

Musk มองว่าเหล่า Short Seller เหล่านี้เป็นเหมือนกับพวกที่จ้องทำลายบริษัท รวมไปถึงทำให้ราคาหุ้นของ Tesla นั้นเสียมูลค่า นอกจากนี้ตัวเขาเองยังได้กล่าวถึงเหล่า Short Seller ว่า “ท้ายที่สุดแล้วพวกนี้อาจจบไม่สวย”

แน่นอนว่าเหล่า Short Seller เหล่านี้ก็ไม่ได้กลัวคำพูดของ Musk เสียด้วยซ้ำ ต่างขยี้และวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่าทำไมราคาหุ้นของ Tesla ควรจะต่ำกว่าปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ แถมนักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินใหญ่ๆ เช่น JPMorgan หรือ Goldman Sachs ก็เริ่มไม่แนะนำให้ซื้อหุ้นของ Tesla แล้วด้วยซ้ำ

ภาพ Elon Musk จาก: Dan Taylor / Heisenberg Media

2. พาบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์

เป้าหมายต่อมาของเขาคือการนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะว่าราคาที่เขาเสนอที่ 420 เหรียญสหรัฐ นั้นเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน เขาเองอาจต้องจ่ายราคา Premium มากถึง 40% 

Musk เองยังต้องโน้มน้าวนักลงทุนรายใหญ่อย่างกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของประเทศซาอุดิอาระเบียในการที่จะช่วยเหลือเม็ดเงินจำนวนมหาศาล และยังต้องเผชิญแรงกดดันที่ตัวกองทุนก็สนใจที่จะลงทุนในบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ อีกด้วย เช่น Lucid Motor ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกับ Tesla

ภาพจาก Shutterstock

3. ผลิต Tesla Model 3 ให้ได้ตามเป้า (และคุณภาพ)

ปัญหาการผลิตรถให้ได้สัปดาห์ละ 5,000 คันเขาเองอาจแก้ปัญหาไปได้บ้างแล้ว โดย Bloomberg คาดการณ์ว่าตอนนี้ Model 3 ตอนนี้ผลิตได้สัปดาห์ละ 6,278 คัน แต่ก็ยังไม่พ้นเคราะห์กรรมที่ว่ามีคนไปพบเอกสารที่ว่า Tesla จะต้องปรับปรุงคุณภาพรถยนต์แต่ละอาทิตย์มากถึง 4,300 คัน

นอกจากนั้น Ron Harbour ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ได้กล่าวกับ Business Insider ว่าสายการผลิตรถยนต์ที่ดีนั้นต้องมี First Pass Yield ตั้งแต่ 65-80% แต่ Tesla นั้นทำได้เพียงแค่ 14% 

เรื่องของการผลิตรถนี้ทำให้ Columist หลายๆ รายบ่นว่า Musk เองน่าจะโฟกัสที่เรื่องการผลิตรถเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่มัวแต่มายุ่งกับราคาหุ้นหรือแม้แต่มายุ่งกับเรื่องไร้สาระ ถ้าหากเขาเองได้กล่าวว่าแทบจะไม่มีเวลานอนจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาเองจะไปที่โรงงานในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา แล้วอยู่ในโรงงานแทบจะตลอดเวลาก็ตาม แต่การที่มามัวเปิดศึกสงครามใน Twitter อาจไม่เป็นผลดีกับเขาเองด้วยซ้ำ

4. หา COO มาช่วยงานของตัวเขาเอง

ปัจจุบัน Tesla มีขนาดบริษัทที่ใหญ่ขึ้น ดังนั้นการหาตัวหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO มาช่วยงาน Musk จึงเป็นเรื่องที่วุ่นวายพอสมควร เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว Tesla เคยทาบทาม Sheryl Sandberg จาก Facebook มาเป็น COO ด้วย แต่การหาคนที่มาแบ่งเบาภาระของเขานั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยาก และส่วนหนึ่งคือ Musk เองก็ต้องไว้ใจในคนนั้นๆ ด้วย

ซึ่งต่างจากกรณีของ SpaceX ซึ่งเขาได้แต่งตั้ง Gwynne Shotwell เป็น COO เองซึ่ง Musk ยอมรับในศักยภาพในตัวเธออย่างมาก (และยังทำให้ Musk สงบปากสงบคำในหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวกับ SpaceX) นอกจากนั้นเธอยังทำให้งานที่ SpaceX ของ Musk ลดลงและทำให้เขาสบายใจมากขึ้น

Christopher Whalen จาก The Epoch Time ได้ยกตัวอย่างถึงบริษัท Ford ว่าการเป็นบริษัทยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบันได้นั้นไม่ใช่เพราะ Henry Ford คนเดียว แต่ยังมีคนที่อยู่เบื้องหลังอย่าง James Couzens ซึ่งเป็นคนที่นำไอเดียเหล่านี้มาสร้างสรรค์ให้เป็นจริง ฉะนั้นเขาเลยมองว่า Tesla ก็ควรจะมีคนแบบนี้มาช่วย Musk อีกคนด้วย

ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ Musk ว่าจะปล่อยให้ทางบอร์ดของบริษัทหา COO มาให้หรือว่าเขาจะหาคนที่เขาเองไว้ใจให้มารับงานร้อนๆ ที่ Tesla นี้ แต่อย่างน้อยๆ การที่มี COO อาจช่วยให้เขามีภาระงานที่ลดลง

5. เรื่องยุ่งๆ ใน Social Network

นอกจากนั้นเขาเองอาจต้องมาเคลียร์เรื่องยุ่งๆ เนื่องจากนักร้องดังอย่าง Azelia Banks ได้คุยกับ Grimes แฟนสาวของ Musk แล้วตัวแฟนสาวของเขาได้พูดคุยถึงเรื่องราคาหุ้นของ Tesla ที่จะนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งล่าสุดตัวเขาเองได้ปิด Account ของเขาใน Instagram ลงไปแล้ว ซึ่งคาดกันว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วย

ซึ่งกรณีนี้อาจทำให้ความเสี่ยงของเขาที่อาจโดนสอบสวนจาก ก.ล.ต. ของสหรัฐ หรือ SEC เพิ่มมากขึ้นด้วย และนอกจากนั้นยังจะเพิ่มความเสี่ยงจากผู้ถือหุ้นของ Tesla ฟ้องได้อีกต่างหากเนื่องจากเขาเองจะกลายเป็นคนที่ปั่นราคาหุ้นของ Tesla ขึ้นมาแทน

ที่มา – Bloomberg [1], [2], [3]Bloomberg Tesla Model 3 Tracker, Seeking Alpha, The Epoch Times

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ