เราได้ยินเรื่องราวของบริษัททางเทคโนโลยีสายสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์ รับเงินเพิ่มทุนกันอยู่เรื่อยๆ แต่คราวนี้เป็นร้านที่ขายพิซซ่าแบบเดลิเวอรี่อย่างเดียว ได้เงินเพิ่มทุนถึง 48 ล้านดอลลาร์ ชื่อว่า Zume Pizza ที่เป็นเช่นนี้เพราะมันมีความพิเศษอยู่
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2017/10/ZumePizza_iOS_App_2-1024x731.jpg)
Zume Pizza ก่อตั้งในปี 2015 เป็นร้านพิซซ่าที่มีเป้าหมายคือ เป็นร้านเดลิเวอรี่ที่เสิร์ฟพิซซ่าได้ดีที่สุดในโลก! ปัจจุบันให้บริการส่งในพื้นที่ Silicon Valley ซึ่งก็ดูเข้ากันดี เพราะ Zume Pizza เป็นร้านพิซซ่าที่ใช้หุ่นยนต์เกือบทุกขั้นตอนการผลิต
ร้านจำหน่ายพิซซ่าเฉพาะเดลิเวอรี่เท่านั้น (และแน่นอนว่าตั้งสั่งออนไลน์!) โดยปัจจุบันหุ่นยนต์ในครัวทำพิซซ่าของร้าน อยู่ในเกือบทุกขั้นตอนตั้งแต่แผ่แป้ง, ทาซอสมะเขือเทศ และนำเข้าเตาอบ โดยขั้นตอนที่ยังต้องใช้คนมีเพียง การโรยเครื่องปรุงหน้าพิซซ่า (เพราะซับซ้อนเกินจะใช้หุ่นยนต์ในตอนนี้) และการนำเอาจากเตาเพื่อจัดส่งให้ลูกค้าเท่านั้น
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2017/10/13895168_1085278658218781_4236703509109255958_n.jpg)
ความล้ำของ Zume Pizza อีกอย่างคือขั้นตอนจัดส่ง โดยมีรถทรัคขนาดใหญ่ ที่ด้านในบรรจุเตาอบพิซซ่าไว้จำนวนมาก โดยหากจุดจัดส่งสินค้าอยู่ห่างจากโรงงาน…เอ่อ…ครัวของทางร้าน มากกว่า 12 นาทีแล้ว ระบบจะให้อบพิซซ่าเผื่อไว้เล็กน้อย จากนั้นให้กระบวนการอบที่เหลือทำบนรถทรัค แล้วคำนวณเวลาที่เหมาะสมตาม GPS ทำให้ลูกค้าได้รับพิซซ่าที่เพิ่งอบเสร็จร้อนๆ จากเตาบนรถ ส่งถึงมือทันที
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2017/10/ZumePizza_Truck2-1024x683.jpg)
Julia Collins ซีอีโอร่วมของ Zume Pizza บอกว่าตอนนี้ระบบเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ จนอยู่ในระดับที่รถทรัคส่งพิซซ่านี้สามารถวิ่งวนตามพื้นที่ พร้อมพิซซ่าที่เตรียมไว้ และสามารถคาดการณ์ได้ว่าพื้นที่ใดจะมีออเดอร์พิซซ่าเลยทีเดียว ความแม่นยำนี้ก็ทำให้คุณภาพบริการดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
ล่าสุด Zume Pizza ได้รับเงินเพิ่มทุนอีก 48 ล้านดอลลาร์ ต่อจากเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์เอที่ได้ในปีที่แล้ว 23 ล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือเพิ่มพื้นที่ส่งพิซซ่าให้ได้ทั่ว Bay Area ตัวบริษัทเองก็พร้อมหาพันธมิตรในการจัดการระบบครัวและการจัดส่งด้วยหุ่นยนต์นี้เช่นกัน น่าจับตามองทีเดียว ชมคลิปพาทัวร์หุ่นยนต์พิซซ่าของ Zume Pizza ได้ด้านล่างนี้
ที่มา: CNBC และ Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา