“Food Delivery อาจเป็นโอกาสท้ายๆ ของไทยที่จะมียูนิคอร์น” ยอด ชินสุภัคกุล เปิดใจครั้งแรกเรื่อง LINE MAN Wongnai

หลังจากที่มีการประกาศควบรวมกิจการระหว่าง LINE MAN และ Wongnai โดยรับเงินจากนักลงทุนกว่า 3,300 ล้านบาท พร้อมทั้งเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการในชื่อ “LINE MAN Wongnai”

ล่าสุด ยอด ชินสุภัคกุล ซีอีโอ LINE MAN Wongnai ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังประกาศเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการ

LINE MAN Wongnai ทำไมต้องควบรวม ควบรวมกันแล้วได้อะไร

ยอด เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวเลขมูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มของไทยในปี 2019 ที่สูงถึง 700,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 2-3% ต่อปี นอกจากนั้นหากดูตลาด Food Delivery เมื่อต้นปี 2019 (ก่อนหน้าโควิด) ที่มีมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาทจะเติบโตสูงถึง 84% (ไม่นับรวมหลังโควิดที่กระแสของ Food Delivery ติดลมบนจนกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ Food Delivery เมืองไทยน่าจะอยู่ราว 100-200% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า)

ชัดเจนว่า LINE MAN และ Wongnai มองเห็นโอกาสในการเติบโตของตลาด Food Delivery ในไทย

“การควบรวมของ LINE MAN Wongnai เป็นการรวมพลังของ 3 ฝั่ง ได้แก่ LINE ที่มีผู้ใช้งานกว่า 47 ล้านคนทั่วไทย, LINE MAN มีพาร์ทเนอร์ร้านอาหารกว่า 200,000 ร้านทั่วไทย และ Wongnai ที่มีพันธมิตรร้านอาหารกว่า 430,000 ร้านทั่วไทย”

“การควบรวมกิจการในครั้งนี้จึงเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในธุรกิจอาหารของไทยและเชื่อมั่นว่าจะสร้างความยั่งยืนให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน”

ยอดยังได้อธิบายด้วยว่า LINE MAN และ Wongnai เป็นพันธมิตรที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม การควบรวมกันจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Ecosystem ในรูปแบบ Online-to-offline ที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับทั้งผู้ใช้และร้านอาหาร นอกจากนี้ การที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากโดยเฉพาะช่วงหลัง COVID-19 การเชื่อมต่อ LINE MAN กับ Wongnai เข้าด้วยกันจึงเกิด End-to-End Food Platform แพลตฟอร์มด้านอาหารครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งผู้ใช้ ร้านอาหาร และบริการส่งอาหาร เริ่มตั้งแต่ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลและรีวิวร้านอาหารบน Wongnai จากนั้นกดสั่งอาหารเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN และร้านอาหารสามารถรับออเดอร์เดลิเวอรีผ่านระบบจัดการร้านอาหาร Wongnai POS (Restaurant Solutions) ของ Wongnai ได้อย่างสะดวก

ระดมทุน 3,300 ล้านบาท จะเอาไปทำอะไรบ้าง

จุดโฟกัสของ LINE MAN Wongnai ในปีแรกจะเป็นการลุยตลาด Food Delivery

  • ในแง่ผู้บริโภค: LINE MAN Wongnai จะเน้นจุดแข็งที่ความหลากหลายของร้านอาหารที่มีให้ผู้บริโภคเลือกใช้บริการ พร้อมทั้งเสริมด้วยการอัดโปรโมชั่นค่าส่งเริ่มต้นฟรี และรุกหนักด้วยการขยายพื้นที่ให้บริการ Food Delivery ไปสู่หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ จากเดิมที่ LINE MAN มีให้บริการใน 13 จังหวัด จะขยายเป็น 20 จังหวัดทั่วประเทศไทย
  • ในแง่พันธมิตรร้านอาหาร: จะได้เห็นฟีเจอร์ O2O ใหม่ๆ เช่น การเชื่อมต่อกับ LINE Official Account, Mini App, Smart Menu และ Self Promotion ฯลฯ เพื่อช่วยให้ร้านค้ามีเครื่องมือใหม่ๆ ในการทำการตลาดและการขายให้ดียิ่งขึ้น

“Food Delivery อาจเป็นโอกาสท้ายๆ ของไทยที่จะมียูนิคอร์นได้”

ในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ ยอดได้สรุปถึง 2 เหตุผลหลักของการควบรวมกิจการระหว่าง LINE MAN และ Wongnai ไว้อย่างรวบรัดอีกครั้งว่า

1) Improve efficiency and scale

การควบรวม LINE MAN Wongnai เป็นเพราะต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการและสร้างสเกลที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากการจะต่อสู้ในตลาด Food Delivery ต้นทุนคือสิ่งสำคัญ การบริการต้นทุนเพื่อทำให้ทุกฝ่ายในธุรกิจตั้งแต่ร้านอาหาร พาร์ทเนอร์ และผู้บริโภคได้ประโยชน์ต้องใช้พลังมหาศาล (ที่น่าสนใจคือ ต้องใช้พลังของความเป็นบริษัทเทคโนโลยี กล่าวคือเมื่อถึงจุดหนึ่ง ในวันที่สามารถสเกลธุรกิจออกไปได้ ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจจะต่ำลง)

2) Food is Thailand’s last frontier

“ให้เราลองนึกถึงแอพพลิเคชั่นที่เราใช้กันในทุกวันนี้ มีแอพพลิเคชั่นของคนไทยอยู่กี่แอพฯ … เราพ่ายแพ้ในตลาดโซเชียลมีเดีย ตลาดขนส่งเดินทาง ฯลฯ ตลาดอาหารอาจเป็นปราการด่านสุดท้ายของไทยแล้วในการที่เราจะมี(สตาร์ทอัพ)ยูนิคอร์น” ยอด กล่าว

เป้าหมายสูงสุดคือการเป็นเบอร์ 1 ด้าน Food Ecosystem ของไทย

ยอด ระบุถึงแผนระยะกลาง (3 ปี) ของ LINE MAN Wongnai ว่าต้องการมุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มด้านอาหารอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยการสร้าง Full Ecosystem ด้านอาหารที่สมบูรณ์ที่สุดในไทย ซึ่งจะเกิดได้จากความเข้าใจผู้บริโภคคนไทย และการผนวกเอาความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม LINE, LINE MAN และ Wongnai เข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า LINE MAN Wongnai จะต่อสู้ในตลาด Food Delivery อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ “ปัจจัยหลักๆ ในการแข่งขันประกอบไปด้วย ตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างแน่นอน รวมถึงการเร่งขยายฐานลูกค้า และสุดท้ายคือการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้คือจุดแข็งของเรา” ยอด กล่าวทิ้งท้ายในงาน

Disclaimer: Brand Inside เป็นบริษัทในเครือ LINE MAN Wongnai

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา