1 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมาถือเป็นวันครบรอบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน Xi Jinping ประธานาธิบดีจีนกล่าวสุนทรพจน์ท่ามกลางประชาชนที่ไม่สวมหน้ากากกว่า 70,000 คนที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
Xi Jinping: พรรคคอมมิวนิสต์จีนก้าวย่างสู่ปีที่ 100 พร้อมความท้าทายรอบทิศทาง
Xi Jinping กล่าวสุนทรพจน์โดยมีผู้นำจีนรุ่นก่อนหน้ายืนเคียงข้าง มีทั้ง Jiang Zemin (เจียง เจ๋อหมิน) และ Hu Jintao (หู จิ่นเทา) ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของจีนทั้งในแง่สถานะของประเทศในเวทีโลก ที่มหาอำนาจหลากประเทศต่างไม่ประทับใจในบทบาทนำของ Xi Jinping ซึ่งมีหลากเรื่องราวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับมือกับโควิด-19 ระบาดที่ทำให้เกิดหายนะไปทั่วโลก จนบัดนี้หลายประเทศก็ตกอยู่ในสถานะยากลำบากกันทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแค่ไวรัสที่กลายพันธุ์ต่อเนื่องตลอดเวลา แต่โลกยังต้องเผชิญกับปัญหาวัคซีนที่ผลิตล่าช้า ไม่ทันความต้องการของคนไข้ทั่วโลก
นี่แค่เพียงเรื่องรับมือกับโรคระบาดและวัคซีนที่ทำให้ทั่วโลกอยู่ในสถานะย่ำแย่กันถ้วนหน้า คนป่วยล้มตายกันระดับหลักล้านหรือประมาณ 3.9 ล้านคน ติดเชื้อไปอีกกว่า 182 ล้านทั่วโลก ไหนจะเรื่องที่หาหลักฐานไม่ได้อย่างชัดเจนว่าปมโควิดระบาดได้อย่างไร ทั้งที่จุดเริ่มต้นนั้นแพร่มาจากจีน แค่โควิดระบาดเรื่องเดียวก็ทำให้หลายประเทศเบือนหน้ากันเป็นแถวเมื่อพูดถึงจีน
ไหนจะเรื่องการบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง การกักกันตัวในค่ายเพื่อปรับทัศนคติ การคุมกำเนิดไม่ให้เลือดเนื้อเชื้อไขของชาวอุยกูร์เกิดใหม่เหล่านี้ยิ่งสร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้รับรู้เรื่องราวดังกล่าวทั่วโลก แม้ว่าจีนจะยืนยันว่าไม่ได้ทำตามนั้น แต่ก็ไม่มีหลักฐานและไม่ได้เปิดบ้านให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส ว่าข้อกล่าวหานั้นจริงหรือเท็จ
นอกจากการระบาดของโควิด การบังคับใช้แรงงานแล้ว ยังมีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกงที่มีการปราบปรามจับกุมผู้เห็นต่างจากรัฐ ผู้เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย คุกคามสื่อฮ่องกงที่เคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพต้องปิดตัว นอกจากนั้นยังมีประเด็นไต้หวัน หมู่เกาะทะเลจีนใต้และยังมีความขัดแย้งกับอีกหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เยอรมนี ฯลฯ ถือเป็นความท้าทายรอบทิศทางของจีนในรอบ 100 ปีภายใต้ผู้นำ Xi Jinping อย่างแท้จริง
Xi ยืนยันหลักการจีนเดียว หนึ่งประเทศ สองระบบ
ก่อนหน้านี้ Xi Jinping เพิ่งจะประกาศว่าสามารถขจัดความยากจนให้หมดประเทศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ สุนทรพจน์ของผู้นำจีนยังให้ความสำคัญกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นอันดับแรก
ตามด้วยชนกลุ่มน้อยที่มีอยู่ 56 เผ่าในจีน ตามด้วยปลุกพลังของคนหนุ่มสาวที่จะร่วมสร้างชาติไปด้วยกัน จากนั้น Xi ก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญนโยบายจีนเดียว หนึ่งประเทศ สองระบบเช่นเดิม ทั้งในฮ่องกงและมาเก๊าตลอดจนไต้หวัน Xi กล่าวว่าสำหรับไต้หวันกับจีนแล้วคือการรวมชาติอย่างสันติ ไม่มีใครสามารถตั้งคำถามต่อจีนถึงเรื่องอำนาจอธิปไตยของชาติและการรวมดินแดนของจีนได้ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนจีนได้
ใครต้านจีน จีนต้านกลับ: ต้านมหาอำนาจกดขี่ ครอบงำโลก
ต้องบอกว่า เรื่องที่หลายประเทศต้านจีน จีนไม่รับรู้ไม่ได้ แต่จีนรู้ จีนเห็น Xi Jinping สะท้อนการรับรู้การต่อต้านดังกล่าวผ่านสุนทรพจน์ของเขาหลายครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเขาบอกว่า ประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ที่ต้านจีนเหมือนเช่นเคยเป็นมาในอดีต เพื่อทำให้จีนต้องเสียสละจากการถูกต่อต้าน จีนบอกได้คำเดียวว่าจีนจะเป็นเช่นเดิม เหมือนที่เคยเป็นมา
นอกจากนี้ Xi Jinping ยังบอกอีกว่า จีนไม่เคยกดขี่หรือบีบบังคับประเทศอื่นๆ มาก่อน ประเทศใดก็ตามที่ต้องการบีบบังคับ กดขี่จีน จะต้องประสบเหตุขัดแย้งกันเองภายใต้ม่านเหล็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของประชาชนชาวจีนกว่า 1.4 พันล้านคน Xi Jinping พยายามสะท้อนให้เห็นว่า ถ้าคิดปิดล้อมจีนก็จะต้องเผชิญการโต้กลับจากจีนและชาวจีนเช่นกัน ตัวอย่างการโต้กลับเช่นการแบนสินค้าแบรนด์ดังที่ต่อต้านการบังคับใช้แรงงานของจีน เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ทั้งกลุ่มประเทศ G7 ก็ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะต้านการบังคับใช้แรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและพลังงานแสงอาทิตย์ ล่าสุด สหรัฐฯ ก็ประกาศแบนการนำเข้าสินค้าที่มีวัตถุดิบผลิตจากซินเจียงเรียบร้อย
จีนพร้อมพึ่งพาตัวเอง: ทุ่มงบด้านการทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่ม
Xi Jinping ประกาศ ยินดีรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ที่สร้างสรรค์มากกว่าการเทศนาที่เสแสร้งว่ามีคุณธรรมจากประเทศอื่น และยังเพิ่มงบประมาณด้านการทหารและความมั่นคงเพิ่มด้วย โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จีนประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง 6.8% ในปีนี้เป็น 1.35 ล้านล้านหยวนหรือประมาณ 2.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
Xi ระบุว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องการผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือการทหารและสามารถใช้มาตรการใดๆ ก็ย่อมได้ที่ทำให้มั่นใจได้ว่ายังสามารถคงความความภักดีทางการเมืองไว้ได้ นอกจากนี้จีนก็พร้อมทุ่มเท ทุ่มทุนที่จะพัฒนาเพื่อให้พึ่งตัวเองได้ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- พร้อมแบน ถ้าบังคับใช้แรงงาน! สหรัฐแบนสินค้าวัตถุดิบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จากจีน
- สู้จีน! G7 ดันโครงการสร้างโลกที่ดีกว่าขึ้นมาใหม่ (B3W) สู้เส้นทางสายไหมจีน (BRI)
- G7 เตรียมบริจาควัคซีนผ่าน COVAX พร้อมผนึกกำลังต้านจีน-ขุดที่มาโควิดระบาด
- ไวรัส COVID-19 มาจากไหน? Biden สั่งตรวจสอบแหล่งต้นตอโควิด-19 ระบาดใหม่
สรุป
จีนภายใต้การนำของประธานาธิบดี Xi Jinping น่าจะถือเป็นยุคที่จีนร้อนแรงอีกยุคหนึ่ง ทั้งร้อนแรงด้วยตัวของจีนเองที่มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมประเทศมหาอำนาจชั้นนำมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งโรคระบาดที่แพร่จากจีนไปทั่วโลก นับตั้งแต่โควิดระบาดช่วงปลายปี 2019 จนล่วงเข้าสู่กลางปี 2021 หลายประเทศยังไม่สามารถจัดหาวัคซีนได้เพียงพอความต้องการของประชาชน หลายประเทศป่วยและล้มตายกันไปมาก แต่ประเทศจีนที่เป็นต้นขั้วโรคระบาดเปิดหน้ากากร่วมงานฉลอง 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกือบแสนคน
ไม่ใช่แค่โรคระบาดโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่ว แต่ยังมีกระแสต้านจีนอีกทั่วโลก โดยเฉพาะในโลกตะวันตกที่ต้องการขุดหาต้นตอที่มาของโควิดระบาด ต่อต้านการบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยในจีน ตลอดจนประเด็นฮ่องกง ไต้หวัน ทะเลจีนใต้และอีกหลากหลายเรื่อง หลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นที่จีนต้องสะสาง ถ้าจีนยังมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นเดิม รังแต่จะสร้างความเกลียดชัง ต่อต้าน และทำให้กลุ่มต่อต้านยิ่งรวมตัวต้านจีนกันมากขึ้น
ที่มา – SCMP, JHU, The Guardian
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา