ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวกับสื่อจีน ระหว่างการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีน ว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะเดียวกันจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจแบบตลาด เปิดเสรีมากขึ้น
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กล่าวกับสื่อในจีนระหว่างการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีน (CPPCC) ว่าเศรษฐกิจจีนหลังจากนี้จะไม่กลับไปใช้ระบบวางแผนเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่จีนจะเน้นการใช้ระบบตลาดเข้ามามีบทบาทกับเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ในการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ หลังจากที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ จีนเองได้ประกาศว่าจะงดประกาศตัวเลข GDP หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
- จีนงดเผยเป้า GDP เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี จากพิษของ COVID-19 แย้มเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่
- จีนก็แย่เหมือนกัน คนตกงานในเมืองเพิ่มขึ้น ปลายปีอาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- โควิด-19 กระทบเส้นทางสายไหม หลายโครงการชะงัก บางประเทศอาจไม่มีเงินใช้หนี้จีน
ขณะเดียวกันผู้นำจีนเองยังเน้นการเปิดกว้างทางการค้ามากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการค้าแบบพหุภาคี โดยเขาได้เน้นในเรื่องการเปิดกว้างของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงการร่วมมือที่มากขึ้นกว่าเดิม และยังยืนยันว่าจีนจะต้องยืนในข้างของประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
ประธานาธิบดีจีน ยังได้กล่าวถึงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ แม้ว่าจีนจะพบกับความไม่มีเสถียรภาพ รวมไปถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นในโลก แต่เขาก็ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนนั้นมีศักยภาพ มีความยืดหยุ่นและเสถียรภาพ นโยบายต่างๆ ที่ยังมีเพียงพอ รวมไปถึงสร้างความมั่นใจให้กับประชาคมทั้งหลายว่าเศรษฐกิจจีนมีการพัฒนาในระยะยาว
ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนได้รับข้อตำหนิโดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริการว่าเศรษฐกิจจีนเองนั้นถือว่ามีนโยบายปกป้องทางการค้า เนื่องจากบริษัทจากต่างประเทศเสียเปรียบในการแข่งขันเนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ เช่น กฎหมาย ฯลฯ นอกจากนี้จีนเองยังเป็นประเทศที่มีการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่ง 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ผู้นำจีนยังได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาในการพัฒนานวัตรกรรมทางวิทยาศาสตร์ เร่งการพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล ภาคการผลิตสินค้าไฮเทค รวมไปถึงวัสดุใหม่ๆ เพื่อรองรับการใช้ในชีวิตประจำวันของชาวจีนและสิ่งเหล่านี้ยังเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนตัวใหม่ด้วย
ที่มา – China Daily, CGTN, Hindustan Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา