Work From Home: เปิด 5 เหตุผลจากงานวิจัย ทำไม “ทำงานที่บ้าน” ถึงให้ผลที่ดีกว่าการเข้าออฟฟิศ

Work From Home อาจเป็นแค่กระแสในสายตาของใครหลายคน แต่งานวิจัยหลายชิ้น พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำงานจากที่บ้านให้ผลที่ดีต่อทั้งบริษัทและพนักงาน เพราะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีกว่าเดิม แถมพนักงานมีความสุขมากขึ้นด้วย

Work From Home

5 เหตุผล ทำไม Work From Home ถึงเวิร์คจริงๆ

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ที่เข้าไปศึกษาพนักงานกว่า 47,264 คน และงานวิจัยอีกหลายชิ้นจากสถาบันต่างๆ รวมถึงงานจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เห็นตรงกันว่า การทำงานจากที่บ้านส่งผลให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ส่วนบริษัทเองก็ได้ลดต้นทุนในการบริหารจัดการ

ลองไปเปิด 5 เหตุผลพร้อมๆ กันว่า ข้อดีของการทำงานจากที่บ้านมีอะไรบ้าง?

1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

จากงานศึกษาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review พบว่า พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านทำงานได้สำเร็จมากกว่ากลุ่มที่ถูกบังคับใช้เข้าออฟฟิศ

งานศึกษาชิ้นนี้สำรวจประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน Call Center ในบริษัท Ctrip เว็บไซต์สายท่องเที่ยวของจีน โดยได้แยกพนักงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ทำงานจากที่บ้าน และกลุ่มที่ทำงานในออฟฟิศ พบว่า พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านทำงานได้สำเร็จมากกว่าอีกกลุ่มถึง 13.5%

นอกจากนั้น งานศึกษาชิ้นอื่นๆ เช่นงานของ Gallup ก็พบเช่นกันว่า พนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน 3-4 วันต่อสัปดาห์ รู้สึกมีส่วนร่วมกับงานที่ทำถึง 33% สูงกว่าพนักงานแบบเข้าออฟฟิศที่รู้สึกมีส่วนร่วมกับงานเพียง 15% เท่านั้น

2. ลดอัตราการลาออกของพนักงาน

จากการศึกษาบริษัท Ctrip ยังพบว่า การทำงานจากที่บ้านทำให้พนักงานมีความพึงพอใจในงานที่สูงมาก (much higher job satisfaction) มากกว่านั้นทำให้อัตราการลาออกจากที่ทำงานลดต่ำลงถึงครึ่งหนึ่ง

นอกจากจะลดอัตราการลาออกของพนักงานแล้ว บริษัทต่างๆ ที่เสนอให้พนักงานทำงานจากที่บ้านยังมีโอกาสสูงที่จะได้พนักงานคนรุ่นใหม่มาร่วมงานด้วย เพราะมีงานศึกษาที่พบว่า 40% ของพนักงานรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกาชอบการสื่อสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่าเจอตัวเป็นๆ หรือคุยผ่านทางโทรศัพท์

3. ลดต้นทุนของบริษัท ส่วนพนักงานมีความสุขมากขึ้น

งานศึกษาจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ พบว่า การทำงานจากที่บ้านทำให้พนักงานมีความสุขมากขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น งานวิจัยยังพบว่าการทำงานจากที่บ้านทำให้พนักงานมีสมาธิ ไม่มีสิ่งอื่นมารบกวนมากเท่ากับการเข้าออฟฟิศ

ส่วนบริษัทก็ได้ลดต้นทุนในส่วนนี้ เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกับการมีออฟฟิศที่หรูหราหรือเฟอร์นิเจอร์ที่อลังการ เพราะถ้าพนักงานทำงานที่บ้าน พวกเขาก็จะซื้อของเหล่านั้นด้วยเงินของเขาเอง ทำให้ต้นทุนของบริษัทลดต่ำลงไปอีก

work

4. พนักงานจะลาป่วยน้อยลง

หากพนักงานทำงานจากที่บ้านได้ จะลดความเครียดไปได้สูงมาก โดยเฉพาะความเครียดจากการเดินทาง หรือหากพนักงานเกิดป่วยขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ไม่ต้องไปออฟฟิศเพื่อเพิ่มความเสี่ยงในการกระจายเชื้อโรคให้กับเพื่อนร่วมงานในบริษัท เพราะฉะนั้นลืมเรื่องวันลาป่วยของพนักงานไปได้เลย เนื่องจากพวกเขาจัดการชีวิตตัวเองได้

ผลวิจัยจากสำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การทำงานจากที่บ้านช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง เพราะระดับมลพิษที่พนักงานได้รับ (หากเดินทางไปที่ทำงานทุกวัน) ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าทำงานจากที่บ้าน พนักงานไม่ได้รับมลพิษจากทางอากาศ ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนั่นเอง

5. ลดรายจ่าย (เงินเดือน) ให้กับบริษัท

จากการศึกษาของ American Economic Review พบว่า บริษัทในสหรัฐอเมริกาที่อนุญาตให้พนักงาน Work From Home จะหักรายได้จากพนักงานประมาณ 8% จากเงินเดือน นั่นหมายความว่า จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเพิ่มผลิตผลของงานใดๆ เลย

ยกตัวอย่างเช่น บริษัทต้องแบกต้นทุนรายจ่ายเงินเดือนของพนักงานที่ 30% ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 3% แต่หากอนุญาตให้มีการทำงานจากที่บ้าน ทำให้ลดรายจ่ายเงินเดือนพนักงานลงได้อีก 8% สุดท้ายบริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3% โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เพียงแค่อนุญาตให้พนักงาน Work From Home เท่านั้น

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่า ทำไม Work From Home ถึงเป็นกลยุทธ์ที่ Win-Win ทุกฝ่าย เนื่องจากบริษัทได้ลดต้นทุน พนักงานได้ชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนเรื่องงานก็เดินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา – Inc.

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา